หุ้น 'อสังหาฯ' เด้งช่วงสั้น กูรูชี้มาตรการ 'แอลทีวี' ยังกดดัน

หุ้น 'อสังหาฯ' เด้งช่วงสั้น กูรูชี้มาตรการ 'แอลทีวี' ยังกดดัน

หุ้นกลุ่มอสังหาฯ บวกเด่น รับมาตรการ ‘บ้านดีมีดาวน์’ นักวิเคราะห์ประเมินช่วยดันผลดำเนินงานช่วงสั้น เอื้อผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อก แนะจับตาภาวะเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการ LTV ยังกดดันต่อเนื่อง

กระทรวงการคลัง ออกมาตรการ "ลดภาระ" การซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” สนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 5 หมื่นบาทต่อราย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อปี และต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 1 แสนราย และผ่านเกณฑ์ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 – 31 มี.ค. 2563

หลังกระทรวงการคลังประกาศมาตรการดังกล่าวออกมา ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นเกือบยกแผง โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ได้แก่ ศุภาลัย (SPALI) เอพี (AP) และพร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค (PF) ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 4 – 5%

นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเป็นข่าวดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่อาจจะไม่ได้ส่งผลบวกมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามออกมาตรการกระตุ้นมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าจดจำนอง และค่าโอน หรือการให้สิทธิสำหรับบ้านหลังแรกที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 แสนล้านบาท

 “แม้ภาครัฐจะพยายามออกมาตรการมาจูงใจการซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่โดยหลักแล้วก็ยังคงติดมาตรการ LTV ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้อบางส่วนไม่สามารถกู้ได้ เพราะฉะนั้นมาตรการนี้จึงน่าจะส่งผลบวกแค่ช่วงสั้นเท่านั้น และผู้ที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มที่มีสต๊อกค้างอยู่แล้ว ส่วนแนวโน้มปี 2563 อย่างน้อยที่สุดน่าจะทรงตัวจากปีนี้ หรืออาจจะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยเพราะฐานที่ต่ำลง”

157477544363

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า มาตรการที่ออกมาเป็นบวกกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก เพราะการให้ส่วนลดเงินดาวน์ถึง 5หมื่นบาท นั้นค่อนข้างสูงช่วยครอบคลุมสินค้าในตลาดได้ค่อนข้างกว้างถึงระดับประมาณ 5.5 ล้านบาท

จากกรอบเวลาที่กำหนดออกมา เชื่อว่าจะส่งผลโดยตรงต่อสต๊อกของที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่แล้วในตลาด ทำให้บริษัทสามารถเร่งระบายสินค้าคงค้างออกมาได้ และน่าจะช่วยให้ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีนี้ ส่วนแนวโน้มในระยะยาวคงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจต่อไป

นายออเสน การบริสุทธิ์ หัวหน้าการลงทุน ตราสารทุน บริษัทอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า มาตรการที่ภาครัฐออกมาล่าสุด ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ ได้มากนัก เพราะเม็ดเงินที่ใช้ในการสนับสนุนไม่ได้มาก อีกทั้งไม่ได้เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อใหม่ เป็นเพียงการช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการจะซื้ออยู่ก่อนแล้ว เพราะ ที่ผ่านมาภาคอสังหาริมทรัพย์ฯได้ชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป และหันมารีบสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เสร็จเพื่อเร่งการโอน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ จึงมองว่ามาตรการที่ออกมาช่วยในเรื่องบรรยกาศเท่านั้น

‘มาตรการรัฐที่ออกมาเรื่องช่วยการผ่อนดาวน์ นั้น ไม่ได้มีผลในการกระตุ้นภาคอสังหาฯมาก เพราะ เม็ดเงินที่ออกมากระตุ้นน้อย ซึ่งจะไม่ได้เป็นการกระตุ้นให้มีดีมานด์ใหม่ เข้ามาซื้ออสังหาฯ แต่เป็นการช่วยสำหรับคนที่ต้องการซื้ออยู่ก่อนแล้ว จึงมองว่ามาตรการที่ออกมานั้นมีผลช่วยแค่เซนติเมนท์เท่านั้น ’นายออเสน กล่าว

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า มาตรการที่ออกมาจะช่วยเร่งให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ตัดสินใจได้เร็วขึ้น เพราะกรอบเวลาที่จำกัด เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเห็นการเร่งโอนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 แต่ในส่วนของภาพระยะยาวแล้ว ภาวะเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรม

“หากเศรษฐกิจปีหน้าทรงๆ เทียบกับปีนี้ เชื่อว่าภาพรวมของอสังหาฯ จะดีขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากฐานที่ต่ำ และแรงหนุนจากมาตรการต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยส่วนตัวมองว่าภาพรวมของอสังหาฯ น่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี เพื่อให้ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนปี 2561”