Sideways Up

Sideways Up

Trading Buy โดยมีจุดซื้อเพิ่มหากดัชนีฯทะลุ 1610 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Positive และคาดดัชนีฯ Sideways Up แนวรับ 1592 / 1588 จุด แนวต้าน 1605 / 1610 จุด เป็นผลจาก 1) แนวโน้มการเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กลับมามีโอกาสเซ็นสัญญาเฟสแรก หลังจากปธน.จีนและปธน.สหรัฐฯ ต่างเห็นชอบต่อการสนับสนุนการเจรจา 2) เศรษฐกิจโลกยังคงมีความหวังต่อการฟื้นตัว อิงรายงานดัชนีภาคการผลิตรวมสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ดีสุดรอบ 4 เดือน แม้ว่าดัชนีฯ ของยุโรปยังคงอ่อนแอ

ประเด็นสำคัญวันนี้: USA-สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell Germany-รายงาน IFO business climate เกาหลีใต้-การเจรจาซัมมิทกับผู้นำไทย อินโดฯ ฟิลิปปินส์ เมียนมา ลาว ฯลฯ

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหว Sideways Up กรอบ 1591-1599 จุด ตลอดการซื้อขาย ก่อนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,597.72 จุด +5.86 จุด +0.37% วอลุ่ม 4.22 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ ที่นำขึ้นได้แก่ กลุ่มปิโตรฯ +2.52% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.48% ธนาคารฯ +1.23% ไฟแนนซ์ +1.09%

ประเด็นสำคัญ

+ ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว: การกลับมามีมุมมองเชิงบวกต่อการเจราจาการค้าจีนกับสหรัฐฯหลังจากปธน.สีจิ้นผิงและปธน.ทรัมป์ ต่างออกมาสนับสนุนการเจรจาเฟสแรก เป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +0.39% S&P500 +0.22% Nasdaq +0.16% (ทั้งสัปดาห์ ปรับลดลง 0.25 – 0.46% WoW ) และตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเป็นวันที่สี่ DAX +0.20% FTSE +1.22% CAC40 +0.2% (ทั้งสัปดาห์ CAC40 -0.78 WoW DAX -0.58% WoW แต่ FTSE +0.33% WoW )

- น้ำมันดิบถูกขายทำกำไร ส่วนทองคำไม่เปลี่ยนแปลง: WTI -USD0.81 -1.4% ปิดที่ USD57.77/บาร์เรล Brent -USD0.58 ปิดUSD63.39/บาร์เรล จากแรงขายทำกำไร
หลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงสุดรอบ 2 เดือน (แต่ทั้งสัปดาห์ WTI +0.09% WoW Brent +0.14% WoW) ส่วนราคาทองคำปิดไม่เปลี่ยนแปลงที่ USD1,463.60/ออนซ์
(แต่ทั้งสัปดาห์ร่วง 0.33% WoW)

+ Trade war: แนวโน้มการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ กลับมามีโอกาสเกิดการเซ็นสัญญาเฟสแรกอีกครั้ง หลังจากปธน.สีจิ้นผิง เผยจะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน (แต่ก็ไม่หวั่นที่จะสู้กลับเพื่อปกป้องผลประโยชน์จีน) ส่วนปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าฯ กับจีนในไม่ช้านี้ โดยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐฯ นายโอไบรอัน คาดว่าจะเซ็นสัญญากันได้ภายในสิ้นปีนี้

+ USA: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือน พ.ย. ปรับสูงขึ้นดีกว่าคาด โดยอยู่ที่ 96.8 (Vs เดือน ต.ค. 95.5 และคาด 94.9) และรายงานภาคการผลิต
PMI Mfg รวม เดือน พ.ย. ปรับสูงขึ้นสูงสุดรอบ 4 เดือน ที่ 51.9 (Vs เดือน ต.ค. 50.9) ส่งผลต่อการกลับมาแข็งค่าของสกุลเงิน USD

- USA: คณะกรรมาการด้านการสื่อสารของรัฐบาลกลางมีมติสั่งห้ามผู้ให้บริการเครือข่ายในชนบทใช้เงินกองทุนรัฐ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อสินค้าและบริการจาก HUAWEI, ZTE แม้ล่าสุด Microsoft ได้รับการยกเว้นบัญชีดำจากสหรัฐฯ ให้เริ่มขาย Software ได้ และอีกหลายบริษัท อาทิ Intel ฯลฯ อยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตเช่นกัน

- EU: ดัชนีภาคการผลิตรวมเดือน พ.ย. ของมาร์กิต ออกมาแย่กว่าคาด โดยอยู่ที่ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน ที่ 50.3 (Vs เดือน ต.ค. 50.6) โดยเฉพาะเยอรมนี UK ที่ดัชนีภาค
การผลิตรวมต่ำกว่าระดับ 50 จุด สะท้อนเศรษฐกิจชะลอตัว

+ ไทย: ททท. คาดโครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Priviliges” กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2019 -
31 ม.ค. 2020 กว่า 1 พันล้านบาท ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้คาด 42 ล้านคน (เดือนม.ค.- 15 พ.ย. อยู่ที่ 33.78 ล้านคน)

กลยุทธ์: Trading Buy โดยมีจุดซื้อเพิ่มหากดัชนีฯทะลุ 1610 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์:  BBL OSP HANA

หุ้นโมเมนตัมบวก: APP IVL IRPC SPRC HANA PORT BFIT SPVI BWG

หุ้นโมเมนตัมลบ: AMATA DOHOME TU ACE OISHI ASIAN SINGER

Derivatives: แนะรอดัก Long S50Z19 เมื่อทะลุผ่าน 1080 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)