'เฟทโก้' เตรียมถกคลัง ขอปรับเงื่อนไขกองภาษีใหม่ที่มาแทน LTF

'เฟทโก้' เตรียมถกคลัง ขอปรับเงื่อนไขกองภาษีใหม่ที่มาแทน LTF

“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เตรียมหารือ “คลัง” หวังเพิ่มวงเงินสิทธิลดหย่อนภาษีกองทุนใหม่ หลังมีกระแสข่าวว่าให้สิทธิลดหย่อนรวม “อาร์เอ็มเอฟ” ไม่เกิน 5 แสนบาท เหตุวัตถุประสงค์ลงทุนแตกต่างกัน พร้อมเห็นด้วยที่รัฐสนับสนุนการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทย

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะตั้งกองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีกองใหม่ เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) ที่จะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีในสิ้นปี2562 โดยให้วงเงินลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF)ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ซึ่งหากออกมาตามนั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไข ที่จะนำวงเงินของกองทุนใหม่ไปรวมกับ RMF ปัจจุบัน แล้วไม่ขยายวงเงินลงทุน 

เพราะปัจจุบัน วงเงินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ของ RMFอยู่ที่ 5 แสนบาทต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับว่าให้วงเงินกองทุนใหม่ที่ได้รับสิทธิประโยชน์น้อยมาก และ วัตถุประสงค์ของ 2 กองทุน นั้นแตกต่างกัน  โดยRMF เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีการออมเพื่อการเกษียณอายุตอบโจทย์เรื่องสังคมสูงวัย  ส่วนกองทุน  LTF นั้น เพื่อกระตุ้นให้มีการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นเพื่อพัฒนาตลาดทุนให้มีเม็ดเงินลงทุนระยะยาวเข้ามาลงทุน 

ทั้งนี้หากจะออกกองทุนใหม่มาทดแทนกองทุน LTF นั้น ควรเป็นกองทุนที่เน้นการออมระยะยาวในตลาดหุ้นเพื่อการสร้างวัฒนธรรม การลงทุนในตลาดหุ้นในระยะยาว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังจำเป็นที่จะต้องใช้แรงจูงใจทางภาษีเพื่อกระตุ้นให้มีการออม เพราะ ปัจจุบัน ประชาชนคนไทยยังนิยมการลงทุนระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับนักลงทุนเอง และไม่เป็นผลดีตลาดหุ้นโดยรวม เพราะ ตลาดหุ้นไทย ยังจำเป็นต้องมีนักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหุ้นไทย 

โดยที่ผ่านมากองทุน LTF เดิมนั้นถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในการสร้างเสถียรภาพแก่ตลาดทุนไทย ที่เม็ดเงินลงทุนระยะยาวเข้ามาลงทุน ปีละ 5 หมื่นล้านบาท เข้ามาช่วยลดความผันผวนตลาดหุ้นไทยบางช่วงได้   ส่วนระยะเวลาการลงทุนของกองทุนนั้นไม่มีประเด็นอะไร ซึ่งก็แล้วแต่ภาครัฐว่าจะกำหนดให้ลงทุนระยะเวลาเท่าไร แต่ควรที่จะให้เม็ดเงินดังกล่าวเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

‘เดิมวงเงิน  LTF ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ 5 แสนบาท และ วงเงินของ RMF  ที่ 5 แสนบาท ซึ่งหากนำมารวมกันเท่ากับ ให้วงเงินกองทุนใหม่ใช้ลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นน้อยมาก   ซึ่งหากวงเงิน5 แสนบาท นั้นสูง โดยที่ผ่านมาเสนอให้วงเงินเหลือ 2.5 แสนบาท  

อย่างไรก็ตาม ควรที่จะมีการสนับสนุนให้มีการออมใน ทั้ง 2 กองทุน  เพราะ วัตถุประสงค์การลงทุนต่างกัน    จึงไม่เห็นด้วยที่จะมีการนำวงเงินให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้ง 2 กองทุนมารวมกัน ’ นายไพบูลย์ กล่าว 

 สำหรับตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวขึ้นได้ดี ยกเว้นตลาดหุ้นไทย  โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 %  ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ ถึง 17 % แม้มีปัญหาเรื่องสงครามการค้า   เพราะ ในตลาดหุ้นไทย นั้นส่วนใหญ่นักลงทุนจะลงทุนระยะสั้น ทำให้ความสำคัญกับปัจจัยระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่  ไม่มองปัจจัยระยะยาว เหมือนกับนักลงทุนต่างประเทศ   ดังนั้น จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีการลงทุนระยะยาว เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพ และปัจจุบันประชากรไทยยังมีการลงทุนในตลาดทุนน้อย