มทภ.4 แถลงปมวิสามัญแกนนำแนวร่วม 2 ศพ มีหมายจับ 16 คดี

มทภ.4 แถลงปมวิสามัญแกนนำแนวร่วม 2 ศพ มีหมายจับ 16 คดี

แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงปมวิสามัญแกนนำแนวร่วม 2 ศพมีหมายจับรวม 16 คดี ยืนยันทำตามขั้นตอนเจรจานาน 3 ชม. พบหลักฐานมัดแน่นดีเอ็นเอ-ปลอกกระสุนปืนร่วมสังหารหมู่ 15 ศพลำพะยา

จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่ายเข้าติดตามบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้ปะทะกับกลุ่มคนร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2562 เวลาประมาณ 19.30 น. นั้น ล่าสุด วันนี้ 22 พ.ย.62 เวลา 13.00 น. พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ  ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสมนึก พรหมเขียว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าเหตุปะทะที่หนองจิก จ.ปัตตานี ดังนี้

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับ ญาติและครอบครัว ของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งอาจจะทราบหรือไม่ทราบพฤติกรรมของบุคคลในครอบครัวว่า ได้สร้างสถานการณ์ และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ทั้งพุทธและมุสลิมเป็นจำนวนมาก ในห้วงที่ผ่านมา ผมได้ใช้ความพยายามให้ยุคคลเหล่านั้นออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี แต่กลับไม่ยินยอม จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว สำหรับ การปฏิบัติในครั้งนี้เป็นผลมาจากความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวและก่อเหตุสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุสังหารหมู่ที่ลำพะยา โดยการปรับแผนการใช้กำลังเข้ากดดันทั้งพื้นที่ป่าเขา พื้นที่ให้การสนับสนุนและบ้านญาติที่คาดว่า เป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุรุนแรง

โดยเมื่อวานนี้ ได้รับแจ้งข่าวจากแหล่งข่าวภาคประชาชนว่า พบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาพักหลบซ่อนในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จัดกำลังร่วม 3 ฝ่าย รวม 40 นายเข้าทำการตรวจสอบ ในพื้นที่เป้าหมายพร้อมประสานผู้นำ 4 เสาหลัก ให้เข้าร่วมเจรจาโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธยิงใส่จนเกิดการปะทะกันขึ้น

2. ภายหลังทราบเหตุ ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรี โดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานหญิงได้เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็กและสตรีซึ่งพักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะใช้ความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายยอมมอบตัวนานกว่า 3 ชั่วโมง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ คนร้ายได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้ และจากการตรวจสอบล่าสุด พบคนร้ายเสียชีวิตในบ้านพักจำนวน 2 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.และ 11 มม. รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนและปลอกกระสุนจำนวนมาก  รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ประจำตัวของผู้เสียชีวิตบรรจุอยู่ในเป้สนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป

3. สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จากการตรวจสอบทราบชื่อ คือ นายมะยาโกะ ลาเต้ะ มีหมาย ป.วิอาญา 12 หมาย และนายซอบรี  หลำโซะ มีหมาย ป.วิอาญา 6 หมาย  ทั้งสองคนเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ เป็นหัวหน้า วางแผน ประชุมเตรียมการและนำกำลังเข้าโจมตี ชรบ. 15 ศพ ที่ลำพะยา, เข้าโจมตีชุดคุ้มตรองตำบลปะกาฮารัง จ.ปัตตานี, ปล้นตู้ ATM ที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี, ปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่  สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและพี่น้องประชาชนทั้งพุทธและมุสลิม เป็นจำนวนมากในห้วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ควบคุมตัว นายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุมาควบคุมตัวเพื่อซักถามที่หน่วยซักถามหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  จากการตรวจสอบพฤติกรรม พบเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพื้นที่หนองจิก ทำหน้าที่เป็นฝ่ายโลจิสติกส์ ให้ที่พักพิงและให้การสนับสนุนการก่อเหตุซึ่งถือว่ามีความผิดในอัตราโทษเช่นเดียวกับผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงขอฝากเตือนไปยังเครือญาติและผู้ให้การสนับสนุนยุติพฤติกรรมดังกล่าวเพราะมีความผิดตามกฎหมาย

4. ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอขอบคุณแหล่งข่าวภาคประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแสรวมทั้งผู้นำ 4 เสาหลักในพื้นที่ที่ได้ช่วยกันเจรจาเกลี้ยกล่อม นอกจากนี้ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าอาสาสมัครทหารพรานหญิงที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็กและสตรีเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยได้สำเร็จ โดยจะเร่งรัดตรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อขยายผลกลุ่มก่อเหตุและจะใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดเข้าดำเนินการต่อกลุ่มคนร้ายที่เหลือเข้าดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อจากการใช้ความรุนแรงโดยเร็วที่สุดต่อไป