'ช่อ' ยื่น 'กกต.' ระงับสิทธิ์ ส.ส. 'มาดามเดียร์'
"ช่อ" ยื่น "กกต." สอบเอาผิด "มาดามเดียร์" ปมถือหุ้นเครือเนชั่น ขอศาลรัฐธรรมนูญ สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ ใช้บรรทัดฐานเดียวกับ "ธนาธร"
นางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุถึงกณีที่นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องตน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาว่า นางสาววทันยา ได้ยื่นฟ้องตน โดยอ้างว่าตนไม่ได้ถือหุ้นสื่อนั้น แต่กลับเคยถือหุ้นสื่อคือในเครือเนชั่น และปัจจุบันยังคงมีคู่สมรสเป็นผู้บริหารระดับสูงมากของเครือเนชั่น ซึ่งเป็นสื่อที่ชัดเจนว่านำเสนอชัดเจนว่าให้คุณและให้โทษกับพรรคการเมืองบางพรรค จากการเสนอข่าวเนชั่นพร้อมกับได้ออกมาตอบโต้ว่าตนนั้น นำเสนอข่าวเท็จบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับเครือเนชั่น และไม่เคยถือหุ้นสื่อในเครือเนชั่นมาก่อน พร้อมกับยื่นฟ้องตน ซึ่งศาลเองก็รับไต่สวนฟ้องมูลในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีนั้น เป็นเรื่องในชั้นสืบสวนสอบสวน ซึ่งเข้าใจว่าพฤติการณ์ของเครือเนชั่นนั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงการพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ระหว่าง นายฉาย บุนนาค ซึ่งนางสาววทันยาเอง ก็ยอมรับว่านายฉายเองเป็นคู่สมรส
ทั้งนี้นางสาวพรรณิการ์ ยังระบุอีกว่า พรรคอนาคตใหม่ ได้ไปสืบทราบเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนแก่สาธารณชน พบว่านางสาววทันยา เคยถือหุ้นสื่อในเครือเนชั่นอยู่จริงเพราะ โดยตั้งคำถามกลับถึงนาสาววทันยา ว่า เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่าเคยถือหุ้นสื่อเนชั่นไม่ใช่อย่างที่เคยกล่าวอ้างมา และเป็นที่ประจักษ์ทั่วไปว่าคู่สมรสเป็นผู้บริหารเนชั่น จะเอามูลฟ้องมาจากที่ใด และที่สำคัญเมื่อค้นพบว่านางสาววทันยาถือหุ้นสื่อในจริงก่อนจะมาสมัครส.ส. โดยพรรคได้พบข้อมูลที่น่าสนใจ การโอนหุ้นสื่อของนางสาววทันยา ต้องใช้บรรทัดฐานเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินคดีการถือหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยมีข้อพิรุธชวนให้เกิดข้อสงสัยว่า ไม่ได้มีการโอนหุ้นก่อนที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่โดยปกติแล้วการโอนหุ้นเมื่อโอนเสร็จแล้วจะต้องแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์
โดยกรณีของนายธนาธร ต้องใช้ บจ.6 ซึ่งแจ้งล่าช้าหลังประกาศรับสมัครเลือกตั้ง เพียง 1 เดือน แต่กรณีของนางสาววทันยา เป็นบริษัทจำกัด ( มหาชน) ต้องยื่นแบบ บจ. 5 ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยได้ว่าล่าช้าถึง 6 เดือน
โดยนางสาวพรรณิการ์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้เองตนได้ส่งเรื่องข้อร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พร้อมขอกกต.ใช้บรรทัดฐานเดียวกันในการตรวจสอบเอาผิดนางสาววทันยา พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนางสาววทันยา เช่นเดียวกับที่ทำกับนายธนาธร และขอให้กกต. ดำเนินการทางอาญาตามมาตรา 151 ที่มีโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี หรือ ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน และให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนว่า การถือหุ้นสื่อได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมไปถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้รับการตอบสนองโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นนักการเมืองของฝ่ายผู้มีอำนาจหรือผู้ที่มีความท้าทายผู้มีอำนาจ