Sideways Up

Sideways Up

ขายก่อน โดยมีจุดซื้อคืนบริเวณ 1580 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Positive และคาดดัชนีฯ Sideways Up แนวรับ 1586 / 1580 จุด แนวต้าน 1598 / 1605 จุด เป็นผลจาก 1) การรอความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะการตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ ว่าจะคงนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค. หรือไม่) 2) การรอรายงานตัวเลขภาคการผลิต สหรัฐฯ และยุโรคืนนี้ โดยคาดหวังว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวครั้งแรก 3) ราคาน้ำมันดิบโลกที่สูงสุดรอบ 2 เดือนคาดช่วยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ 4) รมว.คลัง ยืนยันว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องการออกกองทุน LTF ใหม่ ส่วนปัจจัยลบ คือ แนวโน้มส่งออกของไทยมีโอกาสที่แย่กว่าคาดการณ์

ประเด็นสำคัญวันนี้: EU-PMI Mfg เดือน ต.ค. USA-ดัชนีความเชื่อมั่น Germany-สุนทรพจน์ประธานอีซีบี Lagarde และประธานบุนเดสแบงก์ Weidman Japan-ประชุม
รมต.ตปท. G-20

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงตลอดการซื้อขายและลงไปต่ำสุดที่ 1583.88 จุด ก่อนมารีบาวด์ในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ปิดตลาดที่ระดับ 1,591.86 จุด -4.97 จุด -0.31% วอลุ่ม 4.71 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ ที่นำลง ได้แก่ กลุ่มไอซีที -2.39% ยานยนต์ -1.06% ไฟแนนซ์ -0.94%

ประเด็นสำคัญ

- ตลาดหุ้นโลกร่วงต่อเป็นวันที่สาม: การไร้ทิศทางที่ชัดเจนของผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยถ่วงสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเป็นวันที่สาม DJIA -0.2% S&P500 -0.16% Nasdaq -0.24% และตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเป็นวันที่สี่ DAX -0.16% FTSE -0.33% CAC40 -0.22%

+ น้ำมันดิบขึ้นและทองร่วง ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง: WTI +USD1.57 ปิดที่ระดับสูงสุดรอบ 2 เดือน ที่ USD58.58/บาร์เรล Brent +USD1.57 ปิดUSD63.97/บาร์เรล รับข่าวกลุ่มโอเปคอาจมีมติขยายเวลาลดการผลิตออกไปจนถึงกลางปีหน้า และความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างกบฏฮูตีในเยเมนกับซาอุฯ ส่วนราคาทองคำ ร่วงต่ออีก -USD10.60 ปิดที่ USD1,463.60/ออนซ์ จากแรงขาย หลังจากการกลับมาแข็งค่าของ
สกุลเงิน USD

+/- Trade war: สื่อจีนรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนและสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันกำหนดที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจีน วงเงิน1.56 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่บรรลุข้อตกลง คาดว่าปธน.ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่พุ่งขึ้น ส่วน Wall Street Journal รายงานว่าจีนเชิญผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ไปเจรจาแบบ face-to-face ที่จีน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยพร้อมที่จะพบปะกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาเจรจาที่แน่นอน

- ไทย: ดุลการค้าเดือน ต.ค. USD506.5 ล้าน (Vs เดือน ก.ย. +USD1,280 ล้าน และคาด +USD400 ล้าน) เป็นผลจากส่งออกหดตัว -4.54% YoY (Vs เดือน ก.ย.
-1.39% YoY และคาด -3.7% YoY) และนำเข้า -7.57% YoY (Vs เดือน ก.ย. -4.24% YoY และคาด -6.6% YoY) เราเชื่อว่าแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของไทย
ยังคงมีความเสี่ยงที่จะแย่กว่าคาดการณ์ (Downside Risks) เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว

+ LTF: รมว.คลังนัดประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) หารือเรื่องการจัดตั้งกองทุนที่จะมาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่
จะได้รับด้วยในสัปดาห์หน้า คาดอายุลงทุนเป็น 10-15 ปี (แบบเดิม 7 ปี) ด้วยวงเงินรวมกับ RMF ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี หรือไม่เกิน 30% ของรายได้ (จากเดิมวงเงิน 5
แสนบาท หรือไม่เกิน 15% ของรายได้)

- USA: ข้อมูลเศรษฐกิจซบเซา โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 227,000 ราย สูงสุดรอบ 5 เดือน และยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค.
แย่กว่าคาด อยู่ที่ 5.46 ล้านยูนิต (Vs คาด 5.47 ล้านยูนิต)

กลยุทธ์: ขายก่อน โดยมีจุดซื้อคืนบริเวณ 1580 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: KCE PTT STEC

หุ้นโมเมนตัมบวก: STPI TKN BWG TQM MC NEX

หุ้นโมเมนตัมลบ: DTAC ADVANC TPIPL LANNA BFIT NWR

Derivatives: ปิด Short S50Z19 ที่เปิดไว้เพื่อทำกำไรทั้งหมด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)