ราคาน้ำมันดีดแรง

ราคาน้ำมันดีดแรง

คาด SET แกว่งตัว 1,585 - 1,600 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นราว 2.8%

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลง -4.97 จุด (-0.31%) ปิดที่ระดับ 1,591 จุด ด้วย Volume 4.7 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดรอบบ้านจากความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในปีนี้ ประกอบกับยอดส่งออกไทยเดือนต.ค.หดตัวลงมากกว่าคาดโดย -4.54% ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม ICT, FIN และ MEDIA ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 360 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,079 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX จำนวน 17,148 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,585 - 1,600 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นราว 2.8% จากคาดการณ์การประชุม 5 – 6 ธ.ค.กลุ่มโอเปคและพันธมิตรจะขยายเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปี 2020 ประกอบกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ไม่แน่นอนหลังสหรัฐผ่านร่างกฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงซึ่งกดดันต่อความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ซึ่งล่าสุดแม้ว่าทางจีนได้เชิญผู้แทนการค้าสหรัฐเข้าร่วมการเจรจารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่งแต่ยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจน ส่งผลให้สหรัฐมีโอกาสเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 15% รวม 3 แสนล้านดอลล่าร์ในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งกดดันต่อทิศทางการลงทุนโดยรวม

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, TTW
  • MSCI rebalance มีผล 26 พ.ย.: Global Standard เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD 

                        Small Cap เพิ่ม CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM

หุ้นแนะนำวันนี้

  • JMT (ปิด 22.8 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 24) คาดแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี และล่าสุดได้ข่าวดี MSCI ปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global small cap
  • CPF (ปิด 26 ซื้อ/เป้า 33.5) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อ ก.ก. เป็น 61-62 บาทต่อก.ก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 60,000 ดองต่อก.ก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q19 และ 4Q19 ฟื้นตัว

บทวิเคราะห์วันนี้

ANAN (ปิด 2.86 ถือ/เป้าใหม่ 3.1 เดิม 3.4)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) Trade war พอมีสัญญาณบวกหลังมีกระแสข่าวจีนเตรียมจัดประชุมเพื่อยุติข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์หน้า: วานนี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เชิญนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เพื่อเข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง โดยคาดการณ์เจรจาครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้เพื่อให้ทันก่อนที่สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่ในวันที่ 15 ธ.ค. 19 ประเด็นนี้คาดว่าจะช่วยลดความกังวลให้กับตลาด โดยเฉพาะประเด็นที่รัฐสภาของสหรัฐผ่านร่างกฏหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
  • (+) น้ำมันดิบ – เกินคาดราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 คาดหวังกลุ่ม OPEC+ Non OPEC จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงกลางปีหน้า: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ระดับ 58.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล บวกแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC + Non OPEC) จะขยายเวลาการลดกำลังการผลิตจำนวน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า จากมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดอายุโครงการในเดือน มี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้กลุ่ม OPEC + Non OPEC จะจัดการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค.19
  • (-) ส่งออกไทยเดือน ต.ค.หดตัว 4.5% มากกว่าที่ Consensus คาดว่าจะหดตัว 3.85% แต่หากตัดน้ำมันและทองคำออกจะเหลือหดตัวแค่ 1%: กระทรวงพาณิชย์ รายงานยอดส่งออกของไทยเดือน ต.ค.มีมูลค่า 20,758 ล้านเหรียญฯหดตัว 4.54%yoy แย่ลงจากเดือน ก.ย.ที่หดตัว 1.39% และแย่กว่าที่ Consensus คาดว่าจะหดตัว 3.85% อย่างไรก็ตามการส่งออกที่หดตัวดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกทองคำและน้ำมันที่ลดลงหากตัดสองรายการดังกล่าวออกภาพรวมการส่งออกจะหดตัวเพียง 1% ถือว่าทรงตัวหากเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนภาคการนำเข้าหดตัว 7.57%yoy ซึ่งมากกว่าภาคส่งออกจึงทำให้ดุลการค้า (X-M)ยังเป็นบวกโดยมียอดเกินดุล 506.5 ล้านเหรียญฯ