'เอฟทีรีท' ตั้งเป้าสินทรัพย์ทะลุ 4 หมื่นล้าน

'เอฟทีรีท' ตั้งเป้าสินทรัพย์ทะลุ 4 หมื่นล้าน

"เอฟทีรีท" เดินหน้าซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุน  หวังเพิ่มขนาดกองทุนปีหน้าทะลุ  4  หมื่นล้านบาท  จากปัจจุบัน 3.9 หมื่นล้านบาท ส่วนพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นแตะ 2 ล้านตารางเมตรปีนี้ เผยลูกค้าจีนแห่เช่าพื้นที่ในอีอีซี ดันอัตราเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 85% 

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้   หรือเอฟทีรีท (FTREIT) กล่าวว่า แผนดำเนินงานของบริษัทปีนี้(1ต.ค. 2562-ก.ย.2563) บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของกอง FTREIT ทะลุ 4 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสิ้นงวดปี2562 ที่อยู่ราว 3.7 หมื่นล้านบาท โดยเดือนแรกของปีงบ 2563 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มแล้วกว่า 2พันล้านบาท จากการซื้อสินทรัพย์จากบริษัท สหไทย พอรพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 3.9หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกัน จำนวนสินทรัพย์ที่เป็นพื้นที่เช่า ทั้งโรงงานและคลังสินค้า คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2ล้านตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 1.76 ล้านตารางเมตร ขณะที่คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่ของกองรีท จะเพิ่มเป็น85% ภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่อยู่ราว83%

“หากดูสัดส่วนรายได้ จากการเช่าพื้นที่ของบริษัทวันนี้ มาจากลูกค้าจีนอยู่ที่ระดับ 2-3% แต่แนวโน้มคาดว่าอัตรารายได้ที่ได้จากการเช่าพื้นที่จากนักลงทุนจีนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลบวกจากสงครามทางการค้า ทำให้นักลงทุนจีนย้ายฐานการผลิตมาในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นมาก เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทอร์นิกส์ รถยนต์  โลจิสติกส์ และค้าปลีก เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อัตราการเช่ายืนเหนือ 80%ต่อเนื่อง และคาดว่าทั้งปีนี้ อัตราการเช่าจะปรับตัวยืนเหลือ 85%ได้"

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มอีก 3พันล้านบาท จากทั้งปี2563 ท่ี่ตั้งเป้าลงทุนราว 5พันล้านบาท เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มที่บริษัทบริหารอยู่แล้ว และบริษัทภายนอกที่มีแผนขายสินทรัพย์เพิ่มเติม แต่การลงทุนเพิ่มของบริษัทหลักๆมาจากเงินกู้ของธนาคาร ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนเงินกู้จากธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 29% หากเทียบกับเงินลงทุนส่วนอื่นๆ 

ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะลดสัดส่วนเงินกู้จากธนาคารลงให้เหลือ 25% ภายในปีนี้ โดยมาจากการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 220 ล้านหุ้น ที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้วในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จภายในม.ค. 2563 จะได้เงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ราว 3,000 ล้านบาทบาท เพื่อนำมาชำระเงินกู้ ซึ่งจะกดให้สัดส่วนการกู้หรือหนี้สินต่อทุนบริษัทลดลงในกรอบที่บริหารจัดการได้มากขึ้น

ด้านนายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)(FPT) กล่าววว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้(1ต.ค.2562-ก.ย.2563) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากเทียบกับปีก่อนหน้าที่บริษัทมีกำไรที่ 3.48 พันล้านบาท ซึ่งได้รับปัจจัยบวกมาจากการควบรวมงบการเงินของบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (GOLD) ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

ส่วนงบลงทุนรวมของบริษัท ตั้งเป้าลงทุนเพิ่มอีก 3พันล้านบาท เช่นกัน โดยจะพัฒนาและขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยในปีนี้อีก 1.5 แสนตารางเมตร ทำให้พื้นที่เช่าทั้งในส่วนโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นมาเป็น3ล้านตารางเมตรในปี 63 จากปีงบ 62 ที่มีพื้นที่บริหารอยู่ราว 2.7 ล้านตารางเมตร