โป๊ปฟรังซิส เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช

โป๊ปฟรังซิส เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จพระดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากทำเนียบรัฐบาล เฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

วันนี้ (21 พ.ย.62) เวลา 09.58 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จพระดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากทำเนียบรัฐบาล เฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในการนี้ สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ตัวแทนคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต กรรมการมหาเถระสมาคม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา

157432385351

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสว่าขอถวายพระพร สมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ทรงสมณคุณ ในนามคณะสงฆ์ไทยขอถวายอนุโมทนาสาธุการ ในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และเสด็จมาทรงเยี่ยมอาตมาภาพในวาระนี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิก กับพุทธจักรไทย มีสืบเนื่องกันมาอย่างแน่นแฟ้น ราบรื่น และงดงาม

เป็นเวลาเนิ่นนานนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และเมื่อ 35 ปีล่วงมาแล้ว ที่พระอุโบสถ วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระอุปัชฌายะของอาตมาภาพ คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ์ เสด็จลงทรงรับสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกเสด็จมาทรงเยี่ยมประมุขแห่งพุทธจักรไทยที่ราชอาณาจักรไทย ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของอาตมาภาพ ผู้มีโอกาสได้เฝ้าอยู่ในการดังกล่าวด้วย และขอถวายพระพรให้ทรงทราบว่า ใต้ฐานพระพุทธอังคีรส ยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา เลโอที่ 13 ทั้งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ผู้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ปิโอที่ 11 อีกทั้งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 และทรงเคยรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อพ.ศ.2527 ณ สถานที่แห่งนี้ จึงเป็นมงคลสถานสำหรับการพบกันของเราทั้งสอง

157432387029


ด้วยส่วนแห่งพระวรกายของทุกๆ พระองค์ ยังคงประดิษฐาน เป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพ ซึ่งได้ ทรงสร้างสรรค์ไว้นับแต่อดีตสมัย หากแต่ละพระองค์มีพระญาณวิถีใดที่จะทรงหยั่งทราบ คงจะทรงโสมนัสพระราชหฤทัยไม่น้อย ที่ได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญงอกงามแห่งทางพระราชไมตรี เป็นภาพอันน่าประทับใจอีกครั้งในวันนี้ การเสด็จมาของพระองค์ จึงไม่ใช่การมาของมิตรใหม่ หากแต่เป็นการมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่ของคนไทย ระยะทางที่ห่างไกลกัน หาใช่อุปสรรคของความสนิทสนมกลมเกลียวกัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนไว้ว่า

"ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง"

"ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมผ่านพ้นศัตรูทั้งปวง"

บัดนี้ มหาบพิตร ทรงพระอุตสาหะตรากตรำพระวรกายบนหนทางแสนไกล เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และมาทรงเยี่ยมอาตมาภาพ ด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพถึงที่นี้ อาตมาภาพขอสนองน้ำพระทัย อันเปี่ยมด้วยมิตรภาพนั้นๆ ตอบถวาย เป็นหลายเท่าทวีคูณ

ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาธรรม ซึ่งพระองค์ทรงเจริญมั่นอยู่ในพระหฤทัย และด้วยศุภผลแห่งกุศลเหตุ คือความไม่ประทุษร้ายมิตร ขอพระองค์ ทรงสถิตสถาพร เป็นปูชนียฐานอันประเสริฐของศาสนิกบริษัท และทรงพระเจริญในสมณคุณ ค้ำจุนให้ทรงผ่องแผ้วผ่านพันภัยพิบัติทั้งปวง สมตามพระพุทธานุศาสนี ดังอาตมภาพอัญเชิญมาอ้างเป็นสัจจวาจาข้างต้นนี้ทุกประการ

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระดำรัสกราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความว่า

กราบทูลทราบฝ่าพระบาทหม่อมฉันรู้สึกชาบซึ้งในพระดำรัสต้อนรับของฝ่าพระบาทและปีติอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นภารกิจแรกของการเยือนราชอาณาจักรนี้ โดยการมาเฝ้าพระบาท ณ วัดราชบพิธฯ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณค่าอันประเสริฐ อีกทั้งได้เรียนรู้คำสอนในพระพุทธศาสนาที่แสดงถึงคุณลักษณะของปวงชนอันเป็นที่รักผู้เป็นศาสนิกชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย พระพุทธศาสนาเกื้อกูลให้เคารพต่อชีวิต ดูแลผู้อาวุโส ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย บนพื้นฐานความตั้งมั่นแห่งจิต การปล่อยวาง ความเพียร และความมีวินัยนี้เป็นลักษณะที่เพาะบ่มอัตลักษณ์พิเศษคนไทย ทำให้ผืนแผ่นดินนี้เป็นที่รู้จักในนามของประเทศแห่งรอยยิ้ม

การพบกันระหว่างฝ่าพระบาทและหม่อมฉันในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งความชื่มชม และการยอมรับซึ่งกันและกันบรรดาผู้ที่ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าเราได้เริ่มตันไว้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะให้การพบปะกันในวันนี้ เป็นการเจริญรอยตามพร้อมทั้งกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างศาสนิกชนของเรา โดยเฉพาะเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัต เสด็จพร้อมด้วยคณะพระเถระ ไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ณ นครรัฐวาติกัน อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาการเสวนาระหว่างศาสนาทั้งสอง นำไปสู่การที่สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 18 และในกาลต่อมา ฝ่าพระบาทยังทรงพระกรุณาโปรดประทานพระอนุญาตให้คณะพุทธบริษัทจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นำบทแปลพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ซึ่งจารึกเป็นภาษาบาลี และถูกเก็บรักษาอยู่ในหอสมุดวาติกัน เดินทางไปมอบให้หม่อมฉันเป็นโอกาสให้หม่อมฉันได้ต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี นับเป็นก้าวสำคัญอันเป็นประจักษ์พยานว่า วัฒนธรรมแห่งการพบปะกันฉันมิตร เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่เพียงแต่ต่อบรรดาศาสนิกชนของเรา แต่ยังพึงเป็นไปในหมู่ชาวโลก ซึ่งนับวันมีแนวโน้มจะยุยง โฆษณาชวนเชื่อ

ทำให้เกิดความแตกแยก เมื่อเรามีโอกาสที่จะเช้าใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้ว่ามีความแตกต่างกันบ้าง แต่ในที่สุดก็จะบังเกิดผลอันดีงามสู่ชาวโลกวาจาแห่งความหวังย่อมสามารถให้กำลังใจและพลิกฟื้นบุคคลผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความแตกแยกได้ ในศุภวาระเช่นนี้เตือนสติพวกเราให้เข้าใจความสำคัญของศาสนา ในฐานะที่เป็นประภาคารแห่งความหวัง และเป็นควงประทีปที่ส่งเสริม สนับสนุนและเป็นหลักประกันแห่งภราดรภาพ

หม่อมฉันขอขอบใจปวงชนชาวไทย ที่ให้โอกาสศาสนิกชนคาทอลิกผู้เข้ามาในประเทศไทยกว่าสี่ศตวรรษที่แล้ว ถึงแม้ว่าชาวคาทอลิกจะเป็นเพียงกลุ่มศาสนิกอันน้อยนิด แต่ก็ได้รับเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม และได้ดำเนินชีวิตอย่างสันติสุขกับพี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งชายหญิงมาเป็นเวลาหลายร้อยปีในการเดินทางมาและก้าวเดินต่อไปด้วยความไว้วางใจกันและภราดรภาพต่อกันเช่นนี้ หม่อมฉันปรารถนาที่จะเน้นย้ำความตั้งใจจริงส่วนตัวของหม่อมฉัน และของพระศาสนจักรคาทอลิกโดยส่วนรวม ในการที่จะเสริมสร้างให้เกิดการเสวนาที่เปิดเผยและเคารพซึ่งกันและกัน ในการรับใช้เพื่อสันติภาพ ตลอดจน
ความผาสุกของศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าโดยอาศัยการเสวนาในระดับวิชาการ ที่ช่วยให้เกิดความเข้าใจกันที่ลึกซึ้งมากขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิ การแสดงความเมตตา และการศึกษาใคร่ครวญ

เมื่อจบพระดำรัสแล้ว สมเด็จสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายของขวัญที่ระลึก แด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เป็นเหรียญพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 ซม. พระรูปสมเด็จพระสังฆราช กรอบเงินลวดลายไทย หนังสือธรรมะ พุทธประวัติ หนังสือวินัยมุข มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระวินัยสงฆ์ฉบับภาษาอังกฤษ

157432396663

ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ถวายของขวัญที่ระลึกเป็นเหรียญที่ระลึกแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณาย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยมฉายพระรูปแล้วเสด็จไปทรงเยี่ยมประทานพรผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ถนนสาทร กรุงเทพมหานคร

157432410652