ปรับลดลง

ปรับลดลง

ขายก่อน โดยมีจุดซื้อคืนบริเวณ 1580 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Negative และคาดดัชนีฯ ปรับลดลง แนวรับ 1590 / 1580 จุด แนวต้าน 1605 / 1610 จุด เป็นผลจาก 1) นักลงทุนฯ เริ่มเพิ่มแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หลังจาก
แนวโน้มการเซ็นสัญญาเฟสแรก ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า 2) สัญญาณเทคนิค มีโอกาสสูงที่จะเป็น Bearish Signal และลงไปที่ 1550 จุด หากดัชนีฯ
หลุดแนวรับ 1590 / 1580 จุด ส่วนปัจจัยบวก คือ การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลก ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและตลาดหุ้นไทย

ประเด็นสำคัญวันนี้: USA-the world business Forum โดยอดีตประธานเฟด Yellen

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงตั้งแต่เปิดตลาดและมาปิดตลาดที่ระดับใกล้ต่ำสุดของวันที่ 1596.83 จุด -10.42 จุด -0.65% วอลุ่ม 4.78 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ ที่นำลง ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี -2.58% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -2.44% รับเหมาก่อสร้าง -1.47% อสังหาฯ -1.41%

ประเด็นสำคัญ

- ตลาดหุ้นโลกย่อตัว: ข่าวการเจรจาการค้าเฟสแรก ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าภายในปีนี้ ส่งผลต่อเริ่มมีแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA -0.4% S&P500 -0.38% Nasdaq -0.51% และตลาดหุ้นยุโรป DAX -0.48% FTSE -0.84% CAC40 -0.25%

+ น้ำมันดิบกลับมาบวก ส่วนทองคำย่อลงเล็กน้อย: WTI +USD1.90 ปิดUSD57.11/บาร์เรล Brent +USD1.49 ปิดUSD62.40/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ รายงานสต๊อก
น้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด 1.4 ล้านบาร์เรล (Vs คาด 1.5 ล้านบาร์เรล) และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างกบฏฮูตีในเยเมนกับซาอุฯ ส่วนราคา
ทองคำย่อลงเล็กน้อย -USD0.10 ปิดที่ USD1,474.20/ออนซ์ รอความชัดเจนเรื่องสงครามการค้า

- Trade war: สื่อรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของปธน.ทรัมป์ ว่าการเจรจาการค้าในขณะนี้กำลังเผชิญภาวะชะงักงัน ขณะที่ตลาดเริ่มวิตกว่าการเจรจาการค้าอาจเลื่อนออกไปจนถึงปีหน้า หลังจากจีนส่งสัญญาณไม่พอใจต่อสภาสหรัฐฯ ที่ลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกง และยิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลง โดยยิลด์พันธบัตร 10 ปี เช้านี้อยู่ที่ 1.73% Vs 1.84% เมื่อสัปดาห์ก่อน

+/- FOMC Minute: การประชุมเฟดที่ผ่านมาเผย กรรมการส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมองว่า ความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้า
และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เริ่มลดน้อยลง แต่ได้มีการหารือเกี่ยวกับเครื่องมือเตรียมไว้หากเศรษฐกิจเกิดเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคต

+ จีน: PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate ประเภท 1 ปี ลง 0.05%เป็น 4.15% และประเภท 5 ปี ลง 0.05% เป็น 4.80% เพื่อกระตุ้นธ.พาณิชย์ปล่อยกู้
มากขึ้นต่อธุรกิจขนาดกลางและย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว

- ไทย: สอท. เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ เดือน ต.ค. อยู่ที่ 91.2 (Vs เดือน ก.ย. 92.1) ต่ำสุดรอบ 17 เดือน เนื่องจากสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ สถานการณ์
สงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ

- ไทย: ศาลรธน. มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร มีความผิดจริง กรณีการถือหุ้นสื่อและตัดสินให้หมดสถานะการเป็น ส.ส. นับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.
2019 เป็นต้นไป (ผลตัดสินดังกล่าวจะมีความผิดเฉพาะบุคคล ไม่ได้มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคอนาคตใหม่)

- ไทย: คณะกรรมการค่าจ้างเลื่อนการพิจารณาการเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 2-10 บาทออกไปพิจารณาในวันที่ 6 ธ.ค. เนื่องจากเป็นห่วงกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

กลยุทธ์: ขายก่อน โดยมีจุดซื้อคืนบริเวณ 1580 จุด (จุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: KCE PTT STEC

หุ้นโมเมนตัมบวก: RATCH VL CPW TQM SABINA HTC ALLA MC BGC

หุ้นโมเมนตัมลบ: TRUE IVL KCE WORK ESSO SCN BFIT DDD

Derivatives: แนะถือ Short S50Z19 รอทำกำไร 1075 /1070 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)