Deal อาจไม่ Done

Deal อาจไม่ Done

คาด SET อ่อนตัวลงทดสอบ 1,585 - 1,590 จุด ตามความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกภายในปีนี้

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลงแรง -10.42 จุด (-0.65%) ปิดที่ระดับ 1,597 จุด ด้วย Volume 4.8 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคหลังปธน.ทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกได้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ทรุดลงแรงหลังรัสเซียจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกในการประชุม 5 – 6 ธ.ค.ส่งผลให้มีแรงขายในกลุ่ม PETRO, ETRON และ PROP ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 532 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,879 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX จำนวน 9,758 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET อ่อนตัวลงทดสอบ 1,585 - 1,590 จุด ตามความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกภายในปีนี้ จากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของ 2 ประเทศหลังทั้ง 2 สภาฯของสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง จึงมีโอกาสที่สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 15% รวม 3 แสนล้านดอลล่าร์ในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นลบต่อทิศทางลงทุนโดยรวม อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังกลุ่มกบฏฮูติในเยเมนกล่าวอ้างว่าสามารถยิงสกัดเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังซาอุฯจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานและดัชนีให้สลับรีบาวด์ช่วงอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 ยังคงเติบโตขึ้น CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, TTW
  • MSCI rebalance มีผล 26 พ.ย.: Global Standard เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD 

          Small Cap CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BDMS (ปิด 24.0 ซื้อ/เป้า Consensus 27) ราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับกลุ่ม ขณะที่ภาพรวมผลกำไรไม่ได้แย่มีกำไรสุทธิ 2,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55%qoq และ 0.4%yoy และแนวโน้มปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง เพราะธุรกิจ BDMS กำลังเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไรหลังจากผ่านพ้นช่วงลงทุนใหญ่มาแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
  • SPA (ปิด 15.7 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 17.1 บาท) กำไรสุทธิ 3Q19 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48%qoq และ 35%yoy มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการซึ่งได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาฟื้นตัว แนวโน้ม 4Q19 คาดเดินหน้าทำ All time high เพราะเป็น High season อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว จาก มาตรการชิมช้อปใช้ และ ขยายฟรี Visa VOA ออกไปจนถึง 30 เม.ย.ปีหน้า (เดิมหมดอายุ 31 ต.ค.19)

บทวิเคราะห์วันนี้

Thailand Strategy (แนวโน้มกำไรอ่อนแอ รอรับแรงกระแทก)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) กังวล Trade talk ล้มเหลว หลังวุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฏหมายหนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง: วานนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติเสียงข้างมากให้ผ่านร่างกฏหมาย Hong Kong Human Rights and Democracy Act เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยร่างกฏหมายดังกล่าวจะสั่งห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐส่งออกอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนและอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ไปยังฮ่องกง และจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง โดยร่างกฏหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อส่งให้ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ลงนาม  การผ่านร่างกฏหมายดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับตลาดเพราะเกรงว่าจะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับจีน และกลายเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้การเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศล้มเหลว
  • (+/-) น้ำมันดิบเด้งแรง แต่มอง Upside จำกัด หากจะไปต่อ Trade war ต้องคลี่คลายและ OPEC + Non OPEC ต้อง Cut กำลังการผลิตเพิ่ม:  ราคาน้ำมันดิบ WTI เด้งแรงกว่า 1.9 ดอลลาร์ (+3.4%) ปิดที่ระดับ 57.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจาก 2 ปัจจัยหนุนคือ 1) กังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังมีรายงานการสู้รบกันระหว่างอากาศยานของเยรเมนและซาอุฯ และ 2) ตอบรับรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล เรามองว่า 2 ปัจจัยนี้จะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบไปต่อได้ไม่ไกล เพราะตลาดส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ Trade war และ การประชุม OPEC ในวันที่ 5-6 ธ.ค. หากราคาน้ำมันดิบ WTI จะเพิ่มขึ้นทะลุ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขึ้นไปได้ Trade war จะต้องคลี่คลาย และ OPEC +Non OPEC จะตั้ง Cut กำลังการผลิตเพิ่มเติม ไม่เช่นนั้นเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะยังผวนอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามเดิม
  • (+/-) ติดตามตัวเลขส่งออก/นำเข้า ของไทยเดือน ต.ค. Consensus คาด -3.85% แย่ลงจาก -1.39% ในเดือน ก.ย.: วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค.ของไทย เบื้องต้น Bloomberg consensus คาดยอดส่งออกมา -3.85% แย่ลงจากเดือน ก.ย.ที่ -1.39% ส่วนหนึ่งมาจากยอดส่งออกรถยนต์ซึ่งล่าสุดมียอดส่งออกในเดือน ต.ค.เพียง 85,552 คัน ลดลง 8.34%yoy ภาคส่งออกที่ยังหดตัวจะยังกดดันต่อภาพรวม GDP ของไทยในไตรมาส 4/19 ให้ฟื้นตัวได้ในกรอบจำกัด และเชื่อว่าหลายหน่วยงานจะทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลงในทิศทางเดียวกันกับ สภาพัฒน์ (คาดปีนี้โต 2.6%)