จีนยอมเปิดตลาดผักสดไทย

จีนยอมเปิดตลาดผักสดไทย

กรมวิชาการเกษตร บุกจีนจับมือเจรจาลดข้อจำกัดส่งออกผักสดทุกชนิด จี้เร่งกระบวนการพิจารณาผักที่เคยส่งได้ พร้อมเปิดทางมะระ

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า วานนี้ ( 20 พ.ย. ) กรมวิชาการเกษตรพร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) ได้หารือประเด็นการนำเข้าและส่งออกผักสดระหว่างไทยและจีน ร่วมกับ ดร.ถัง กวงเจียง ผู้ตรวจราชการสำนักงานความปลอดภัยอาหารนำเข้าส่งออก กระทรวงศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคในการนำเข้าและส่งออกสินค้าผักสด รวมทั้งขยายตลาดการส่งออกผักสดไทยไปยังจีน ทั้งในด้านปริมาณและความหลากหลายให้มากขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันมีสินค้าผักสดหลายชนิดจากไทยที่ยังไม่สามารถส่งออกไปจีนได้ เนื่องจากจีนประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ที่กำหนดให้สินค้าผักและผลไม้ต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อน โดยในครั้งนี้ได้เจรจากับฝ่ายจีนถึงประเด็นผักหลายชนิดที่ไทยต้องการส่งออก เช่น กระเพรา และฝักข้าวโพดอ่อน ซึ่งไทยเคยส่งออกไปยังจีนได้ก่อนกฎระเบียบฉบับใหม่มีผลบังคับใช้

สำหรับผลการเจรจาในครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีที่สามารถหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ โดยฝ่ายจีนแจ้งว่าจะเร่งรัดในกระบวนการพิจารณาการนำเข้าสำหรับผักที่เคยมีการค้ากับจีนก่อนกฎระเบียบมีผลบังคับใช้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะรวบรวมรายการผักที่เคยส่งออกและข้อมูลที่เกี่ยวข้องส่งให้จีนพิจารณาต่อไป

ด้านผักชนิดใหม่ที่ไทยต้องการจะส่งออกเพิ่มเติม เช่น มะระ ฝ่ายจีนก็จะเร่งพิจารณาอนุญาตให้แก่ไทยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ฝ่ายจีนได้ชื่นชมในการทำงานเชิงรุกของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา 

โดยขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้แนวทางการหารือร่วมกันในการแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชบนหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับที่ไทยได้มาหารือกับจีนในครั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาและอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันต่อไป

ในโอกาสนี้ฝ่ายไทยยังได้แจ้งฝ่ายจีนถึงความสำคัญในการควบคุมความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหาร โดยฝ่ายไทยให้ความสำคัญและมีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งสินค้าภายในประเทศและสินค้านำเข้า และขอให้จีนเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยสินค้าก่อนส่งออก เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน เนื่องจากจีนมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรและอาหารมายังประเทศไทยในปริมาณมาก โดยตั้งแต่ปี 2559-2561 ไทยอนุญาตให้นำเข้าผักสดจากจีนคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยปีละประมาณ 8,200 ล้านบาท