’โหรฟองสนาน' ทำนายย้ายหรือขยายเมืองหลวง?

’โหรฟองสนาน' ทำนายย้ายหรือขยายเมืองหลวง?

เปิดคำทำนาย "โหรฟองสนาน" จะย้ายเมืองหลวงหรือขยายเมือง ดวงเมืองก็ไม่เปลี่ยน จะยุ่งวุ่นวาย แต่ก็รอด

แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 300 โดย "ฟองสนาน จามรจันทร์ย้ายหรือขยายเมืองหลวง(ตอนที่สาม)-ดวงเดิมเมืองรัตนโกสินทร์จะกระทบหรือไม่

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์

กำเนิด วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น.

พระอังคาร ๓ สถิตราศีพฤษภ-พระราหู ๘ สถิตราศีมีน-ดวงกรรไกรแบบหนีบแล้วคลายออก

พระพุธ ๔ และศุกร์ ๖ สถิตราศีมีน

พฤหัสบดี ๕ และพระเสาร์ ๗ สถิตในราศีธนู

ในโลกนี้ไม่มีดวงชะตาใดจะดีหรือร้ายอย่างเดียว ฉะนั้นไม่ว่าโหรจะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางให้ฤกษ์กำเนิดคน-เมืองได้ดีทั้งหมดหรือร้ายทั้งหมด แต่โหรเก่งๆ จะซ่อนหรือสะกดความร้ายได้มาก และส่งให้ด้านดีบังเกิดในดวงชะตามากกว่าร้าย

                เฉกเช่นดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดท่ามกลางความแตกแยกภายในและภัยสงครามนั้น คณะพระยาโหราธิบดีและชีพ่อพราหมณ์ที่ให้ฤกษ์กำเนิดเมืองต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดขณะนั้น คือเมืองจะมีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทว่าจะสามารถรักษาเอกราชได้ตลอดไป

                และจากบทความแม่หมอสมัครเล่นตอนที่แล้ว ที่หยิบยกเหตุการณ์จริงมาพิสูจน์ความขลังของเมืองที่วุ่นวาย แต่รอดปากเหยี่ยวปากกามาทุกครั้ง วันนี้ผู้เขียนจะลองใช้ความรู้ที่มีอยู่จำกัดจับและอ่านวิธีคิดของคณะผู้ให้ฤกษ์กำเนิดเมืองแบบวุ่นวาย-แต่รอด ดังนี้

                1.หลักใหญ่คือการใช้รูปดวงชะตากรรไกรหนีบแล้วคลายออก อธิบายว่าดวงชะตาที่มีบาปเคราะห์หรือดาวร้ายอันประกอบด้วย พระอาทิตย์ ๑ หรือพระอังคาร ๓ หรือพระเสาร์ ๗และ-พระราหู ๘ บีบลัคนาคือมีบาปเคราะห์เหล่านี้อยู่ทั้งหน้าและหลังลัคนาโดยลัคนาอยู่กลาง นั้น เรียก ดวงชะตากรรไกรหนีบ ผลคือ ชีวิตมักทุกข์ๆ ยาก ไร้อิสระ ถ้าเป็นคนเหมือนอยู่แบบน้ำท่วมปากยุ่งยากอึดอัดใจตลอดชีวิต

                โดยดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์วางพระราหู ๘ ดาวร้ายตัวเอ้ที่มีวิถีการเดินตามเข็มนาฬิกาไว้ที่ราศีมีน-อยู่หลังลัคนา ขณะที่วางพระอังคาร ๓ ที่มีวิถีการเดินทวนเข็มนาฬิกาไว้ที่ราศีพฤษภ-อยู่หน้าลัคนา ซึ่งเมื่อดูตามลูกศรแล้วจะคล้ายๆ กับว่า ดาวร้ายสองดวงนี้ผ่านการช่วยกันบีบราศีเมษที่ลัคนาเมืองสถิตอยู่แล้วกำลังเดินแยกย้ายจากกันแบบทางใครทางมัน (ดูลูกศร)

                นี่คือคำอธิบายหลักการออกแบบให้เมือง แม้จะมีวิกฤติเกิดขึ้นแค่ไหนตามวาระที่ดาวร้ายได้จังหวะอาละวาดบีบลัคนาเมือง แต่ในที่สุดก็ต้องคลี่คลายในที่สุด คือดาวร้ายต่างเดินแยกจากกันไปคนละทาง-ก่อวิกฤติครั้งใหม่-คลี่คลายสลับกันไปเช่นนี้เรื่อยๆ

                2.มีได้ก็มีเสีย-มีเสียก็มีได้ เกี่ยวกับพระอังคาร ๓ ที่วางไว้ที่ราศีพฤษภนั้น ทางโหรเรียกนำหน้าลัคนาเมือง หรือเป็นศูนย์พาหะจึงเป็นดาวที่มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะนำหน้าลัคนาเมืองแล้วยังเป็นดาวประจำชีพ (ตนุลัคน์) ของเมืองด้วย ผลคือ

                ด้านดีพระอังคารเป็นเจ้าของความกล้า-ขยันลัทธิทหาร ฉะนั้นคณะโหรจึงวางให้ความกล้าหาญของคนไทยและลัทธิทหารเพื่อนำเมืองรอดปลอดภัย

                ด้านร้ายเพราะอังคารเป็นเจ้าของการทะเลาะเบาะแว้ง อารมณ์ฉุนเฉียวร้อนแรง รวมทั้งกลอุบายที่ใช้ประหัตประหารกัน จึงอย่าแปลกใจที่อาการวุ่นวายแตกแยกทะเลาะเบาะแว้งในเมืองเกิดจะเป็นระยะๆ แถมมาให้

                ด้านดีพระอังคารที่เป็นดาวประจำชีพเมืองนี้สถิตที่ราศีพฤษภได้มาตรฐานปรเกษตร คืออ่อนแอ-อาภัพลัทธิทหารหรือความกล้าขยันใดๆ จึงควรเสียสละทำเพื่อประเทศชาติ คนทำจึงจะอยู่รอดปลอดภัย หากซ่ามากจะเกิดปัญหา

                ด้านดีพระอังคาร ๓ ที่ราศีพฤษภได้ มาตรฐานราชาโชค หรือโชคใหญ่ ขนาดระดับพระราชาจึงจะได้ ผลคือวิฤตการณ์เมืองคลายออกครั้งใดจะมีโอกาสหรือคุณงามความดีระดับราชาโชคตามมาตลอด

                3.มีดีก็มีเสีย-มีเสียก็มีได้เกี่ยวกับพระราหู หลักสำคัญในการให้ฤกษ์กำเนิดนั้น ต้องวางพระราหู ๘ ดาวร้ายตัวเอ้ ที่เปรียบได้เหมือนด้วงมอดกัดกร่อนทุกดวงชะตาเอาไปไว้ในจุดที่ไม่สามารถทำร้ายหรือให้โทษกับลัคนา เช่น วางไว้ในภพอริ-มรณะ หรือวินาสน์กับลัคนา

                ฉะนั้นดวงเมืองที่พระราหูถูกวางไว้ข้างหลังลัคนาหรืออยู่ในภพวินาสน์นั้น นอกจากความมุ่งหวังที่จะให้ดวงเมืองเป็นแบบกรรไกรหนีบขณะคลายออกแล้ว คณะพระยาโหราธิบดีคงจะเห็นประโยชน์ใหญ่อีกอย่างคือ ได้ซ่อนความร้ายกาจของพระราหูให้วินาศไปหรือลดความร้ายกาจลง

                แต่ก็อีกนั่นแหละ พระราหูที่วางไว้ภพวินาสน์ก็มีส่วนร้ายแถมมาคือ พระราหูภพวินาศน์นี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เรียกว่าดวงแตก-ร้าว ที่จะส่งผลความทุกข์ยากแถมมาให้ตามโฉลก…ราหู-สอง-สี่-ซ้อน-แทรกซ้ำสิบสอง…ผลที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันกินสินบาทคาดสินบน ที่พระราหูเป็นตัวแทนอยู่ ไปดิ้นๆ ขลุกขลักๆ แอบทำ (ตามอาการภพวินาสน์หมายถึงปิดบังซ่อนเร้น) กันสนั่นหวั่นไหว หน้ามืดตามัว ไร้ยางอาย (อาการพระราหู)

                4.วางพระพุธ ๔ ตัวแทนภพอริ-ปัญหาอุปสรรค-ศัตรูของเมืองไว้หลังลัคนาหรือภพวินาสน์ เพื่อให้ศัตรูอุปสรรควินาศไป

พระพุธเป็นศรีหรือสิริมงคลวันเกิดของเมือง ที่ถือกำเนิดวันอาทิตย์ เมื่อไปอยู่ภพวินาสน์พลิกพื้นคือเมืองไม่วินาศ เสียอะไรไปได้กลับมาตามโฉลก..ศรีอยู่วินาสน์ใน ลุลาภอันใดที่เสียแต่ก่อนคืนมา…

                5.วางพระศุกร์ ๖ ตัวแทนภพปัตนิ-ศัตรูที่เปิดเผยของเมืองไว้หลังลัคนาหรือภพวินาสน์ของเมือง เพื่อให้ศัตรูเปิดเผย-เปิดหน้าวินาศไป

                พระศุกร์เป็นกาลกิณีวันเกิดของเมืองที่ถือกำเนิดวันอาทิตย์ ถูกวางไว้ที่ภพวินาสน์ พลิกจากร้ายเป็นให้คุณกับลัคนาเมืองตามโฉลก ..กาลกิณีอยู่วินาสน์ ลาภเหมือนมาดที่หวังไว้..และ ศัตรูหักโค่นเมืองไม่ได้ เอาชนะศัตรูหมู่อมิตรได้ตลอด อันเป็นไปตามอาการเมืองรอด

                6.วางพระเสาร์ ๗ หัวหน้าดาวร้ายเทพเจ้าแห่งความระทม-ตัวกาลกิณีชาติของเมืองที่เป็นกรรมเก่าติดตัวมาตั้งแต่เมืองถือกำเนิด(ตามหลักโหราศาสตร์เมืองที่ลัคนาสถิตราศีเมษ) ถูกวางไว้ที่ราศีธนู ซึ่งเป็นดินแดนของโชค ศาสนา ศีลธรรมและความสงบสุขของเมือง เหมือนกับให้ความทุกข์ไปอยู่วัดหรือใกล้ชิดศาสนาเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ

                ที่ราศีธนูนี้พฤหัสบดี ๕ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน (เกษตราธิบดี) ก็สถิตอยู่ขณะเมืองถือกำเนิด จึงมีอำนาจและเข้มแข็งมากกว่าพระเสาร์ซึ่งเป็นเพียงผู้อาศัย อ่านใจว่าคณะโหรใช้พฤหัสบดีซึ่งเป็นหัวหน้าดาวดี-ศรีหรือสิริมงคลที่ติดตัวเมือง (ที่ลัคนาสถิตราศีเมษ) มาแต่กำเนิด หรือที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นหัวหน้าเทวดาประจำเมืองไว้คุมความร้ายกาจของพระเสาร์ตลอดไป

                ผลคือ ทั้งฝ่ายดี-ร้ายในเมืองต่างคอยคุมเชิงกันอย่างที่เราเห็นกันมาตลอด ขึ้นอยู่กับว่าขณะใดฝ่ายไหนจะเข้มแข็งกว่ากัน แต่ในที่สุดก็กลับมาที่ เมืองรอด และคลี่คลายได้ทุกคราว (ตามหลักดวงชะตากรรไกรหนีบแบบคลายออก) จนกว่าจะไม่มีเมืองรัตนโกสินทร์

                สุดท้ายเมื่อได้อธิบายหลักโหรถึงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์วุ่นวายแต่รอดปลอดภัยแล้ว คำถามคือหากขยาย (หรือย้าย) เมืองหลวงแล้วชะตาเมืองจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่

                คำตอบคือ ไม่เปลี่ยน ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักที่โหรภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ อธิบายง่ายๆคือ เมืองเหมือนคนเกิดครั้งเดียวคือวินาทีที่วางเสาหลักเมือง หรือหากเป็นคนคือเวลาตกฟาก

                หลังจากวินาทีที่กำเนิดแล้ว ต่อจากนั้นคือลีลาชีวิตไปจนตาย เช่น จบการศึกษา แต่งงานบวช ฯลฯ

                ฉะนั้นเมื่อเมืองรัตนโกสินทร์ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. แล้วต่อจากนั้น รวมทั้งการจะย้ายหรือขยายเมืองก็เป็นเพียงหนึ่งในลีลาชีวิตของเมืองเท่านั้น

                สรุปคือ ไม่ว่าจะขยายหรือย้ายเมืองหลวงไปที่ไหน เมื่อใด แต่ดวงเมืองเดิม หรือกำเนิดของกรุงรัตนโกสินทร์ และหลักใหญ่คือวุ่นวายแต่รอด และมีโอกาสตามมาก็ไม่เปลี่ยนแปลง.