WHA มั่นใจรายได้ไตรมาส 4 'นิวไฮ'

WHA มั่นใจรายได้ไตรมาส 4 'นิวไฮ'

‘ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น’ มั่นใจผลดำเนินงาน ไตรมาส 4 ทำ "นิวไฮ" เหตุ รับรู้รายได้ขายสินทรัพย์เข้ากองรีท -ขายที่ดิน -พื้นคลังให้เช่า จำนวนมาก

นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า  ช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 จะเป็นช่วงที่บริษัทมีผลการดำเนินงานสูงที่สุดในปีนี้  เนื่องจาก จะมีการรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART มูลค่า 4.88 พันล้านบาท และมีการรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน และพื้นที่เช่าสูงสุด โดยปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน400 ไร่ ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ 70 %ของมูลค่า Backlog และ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในการขายที่ดินอยู่อีกกว่า 700 ไร่ โดย 9 เดือน 2562 ที่ขายที่ดิน 565 ไร่ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 200ไร่ ทำให้คาดว่าปีนี้ยอดขายที่ดินจะเป็นไปตามเป้าหมาย ที่1,600 ไร่

ส่วนธุรกิจด้านคลังสินค้าให้เช่า ปีนี้มีเป้าหมายที่จะมีการขายปีละ 2 แสนตารางเมตร โดย 9 เดือนแรก ได้มีการขายไปแล้ว 7.8 หมื่นตารางเมตร ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 

157433346865

นอกจากนี้ธุรกิจด้านสาธารณูปโภคก็มีการเติบโตได้ดี จากลูกค้ามีการใช้น้ำ และไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีโรงไฟฟ้าขยะ มีการจ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2562 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดรายได้โต 70 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวม11,622.20 ล้านบาท โดย9 เดือน 2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,121.40 ล้านบาท

"ไตรมาส4 ปี 2562 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของบริษัทปีนี้ เนื่องจาก ยอดขายที่ดิน และพื้นที่ให้เช่าสูงสุด มีการรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้า กอง WHART ขณะที่รายได้ประจำ ด้านสาธารณูปโภคปรับตัวดีขึ้น ทั้งน้ำ และไฟฟ้า และมีโรงไฟฟ้าขยะที่จะมีการจ่ายไฟเพิ่ม"นายไกรลักขณ์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการลดต้นทุนทางการเงินลงต่อเนื่อง เพื่อทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่ดี ส่งผลกำไรดีขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่มีดอกเบี้ยสูง ทำให้ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงเหลือ 3.50% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3.88% และ ปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด 9.53 พันล้านบาท และ อีก 2.5 พันล้านบาท ที่จะมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด แล้วออกใหม่จากดอกเบี้ยเดิมอยู่สูง 

นายไกรลักขณ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2563 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ เนื่องจาก คาดว่าจะมียอดขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น จากได้รับผลดีจากสงครามการค้า ที่ทำให้บริษัทจากจีน ย้านฐานการผลิตมาในประเทศไทย มากขึ้น ในช่วง 1-2 ปี จากนี้  ประกอบกับการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ( EEC) โดยในปีนี้ มีลูกค้าจากจีน ได้เข้ามาซื้อที่ดินและเช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้น