ก.ล.ต.จ่อหารือ 3 สมาคมฯจัดตั้ง “กองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย”

ก.ล.ต.จ่อหารือ 3 สมาคมฯจัดตั้ง “กองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย”

ก.ล.ต. เตรียมถก 3 สมาคมฯ เสนอแนวคิดจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นระบบและครบวงจร และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าสำนักงานก.ล.ต.เตรียมนัดหารือกับ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO),สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนม.ค.2563 เพื่อเสนอแนวทางในการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย โดยหวังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น

ทั้งนี้แนวคิดในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวนั้น เพื่อรองรับข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนกับผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง อาทิ กรณีผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตามที่ผู้ลงทุนสั่งหรือล่าช้าจนเกิดความเสียหาย,หลอกลวง หรือให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสม รวมถึงกรณีที่บริษัทตัวกลางถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือถูกฟ้องล้มละลาย เป็นต้น พร้อมย้ำว่าจะไม่คุ้มครองการลงทุนที่ขาดทุนทุกประเภทและกรณีบริษัทจดทะเบียนหรือบริหารบริษัทจดทะเบียนทำให้เกิดความเสียหลาย ซึ่งเน้นเฉพาะผู้ลงทุนกับผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางเท่านั้น

ขณะที่รูปแบบของกองทุนเบื้องต้นจะเป็นลักษณะตัวกลางในการจ่ายเงินชดเชยเพื่อเยียวยาให้กับผู้ลงทุนไปก่อน ซึ่งหลังจากนั้นกองทุนจะไปเรียกเก็บเงินกับผู้ประกอบการที่ดำเนินการให้เกิดความเสียหายกับผู้ลงทุนอีกที ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดความรวดเร็วในการคุ้มครองผู้ลงทุนและทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น

“การคุ้มครองผู้ลงทุนคือภารกิจหลักของ ก.ล.ต. โดย ก.ล.ต. มีระบบรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ลงทุน และมีกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพื่อเป็นทางเลือกในการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนกับผู้ประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการเพิ่มเติมในหลายด้านเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุน อาทิ การสร้างความรับรู้เรื่องการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action) เพื่อช่วยรักษาสิทธิของผู้ลงทุน การปรับปรุงการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน 24 ชั่วโมง 7 วัน การพัฒนาแอปพลิเคชัน SEC Check First ให้ผู้ลงทุนใช้ค้นหารายชื่อผู้ให้บริการและผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน ป้องกันการถูกหลอกลวง ตลอดจนมีแนวคิดเรื่องการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุน ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนไทยมีกลไกในการคุ้มครองผู้ลงทุนที่มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นอย่างเป็นระบบและครบวงจร เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน”

 

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กล่าวว่าแต่เดิมนั้น ผู้ประกอบธุรกิจมีการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนร่วมกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการดูแลความเสียหายที่เกิดจากข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนและผู้ประกอบธุรกิจในตราสารที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ดังนั้น การจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย จะมีผลดีต่อการให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตราสารนอกเหนือจากที่มีอยู่เดิม

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่าการสร้างกลไกขึ้นมาคุ้มครองผู้ลงทุนเป็นไปตามแนวทางในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ที่ผู้ประกอบธุรกิจให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนเป็นหลัก (put investor first) ซึ่งจะมาช่วยเสริมให้แนวคิดดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้งระบบยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดทุนไทยจะต้องมีวัตถุประสงค์การดำเนินงานที่ชัดเจน และมีกระบวนการที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

นายเก่งกล้า รักเผ่าพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า “ผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดทุนไทยควรได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้องและเหมาะสมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากการใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ และเมื่อปัญหาเกิดขึ้นกับผู้ลงทุนก็ควรมีกลไกที่ช่วยเยียวยาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้ลงทุน โดยจะต้องสอดคล้องกับความเสี่ยงตามแต่ละประเภทผู้ประกอบธุรกิจหรือประเภทผลิตภัณฑ์ที่ผู้ลงทุนต้องเผชิญ ซึ่งการมีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนที่มีประสิทธิภาพย่อมนำมาซึ่งความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อตลาดทุนไทยในท้ายที่สุด