แนวโน้มการจ้างงานของไทยในปี 2563

แนวโน้มการจ้างงานของไทยในปี 2563

โรเบิร์ต วอลเทอร์ส เผยผลสำรวจแนวโน้มการจ้างงานของไทยในปี 2563 พร้อมเปิดอัตราเงินเดือนใน 8 อาชีพหากต้องการย้ายงาน

สำนักงานโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประจำประเทศไทย ที่ปรึกษาด้านการจัดหางานระดับโลก ออกมาเผยผลสำรวจเงินเดือน และแนวโน้มการจ้างงานในปี 2563 ของประเทศไทย โดยได้สำรวจพนักงาน ไปจนถึงผู้บริหารระดับกลางและระดับผู้บริหารระดับสูง ทั้ง 8 อาชีพ ได้แก่ อาชีพบัญชีและการเงิน  การเงินและการธนาคาร ทรัพยากรบุคคล

วิศวกรรมและการผลิต การขายและการตลาด กฎหมาย ซัพพลายเชนและจัดซื้อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ  รวมถึงวิเคราะห์จากหลากหลายเครือข่ายสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซียในระหว่างปี 2562

น.ส.ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการประจำประเทศไทย กล่าวว่าโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ก่อตั้งมาเป็นเวลา 35 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้มีสำนักงานอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งในส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีสำนักงานประจำ 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

ดังนั้น ผลการสำรวจครั้งนี้จะนำเสนอภาพรวมของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเจาะลึกในส่วนของประเทศไทย พบว่า การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเป็นปัจจัยสำคัญในการจ้างงานในปี 2563 โดยภาพรวมของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  แบ่งเป็น อัตราเงินเดือนที่ผู้ย้ายงานคาดหวังที่จะปรับขึ้น ในปี 2563 อินโดนีเซียอยู่ระหว่าง 15-30%  มาเลเซีย 15-20%  ฟิลิปปินส์ 20-40% สิงคโปร์ 5-15%  เวียดนาม 15-20% และไทย 20-30%

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทำงานในองค์กรเดิม ไม่ย้ายงาน อินโดนีเซีย  มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย มีความเหมือนกัน คือ วัฒนธรรมขององค์กรและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี แต่ฟิลิปปินส์ จะเป็นเรื่องของฐานเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี

น.ส.ปุณยนุช กล่าวต่อว่าภาพรวมตลาดของประเทศไทยนั้น แนวโน้มในการจ้างงานนั้น ในส่วนของผู้จ้างงาน มองว่า การจ้างงานในภาคการผลิตยังคงเป็นบวก มีความต้องการใช้กลยุทธ์โมบาย เฟิร์ส ผลักดันความต้องการบุคลากรในสายดิจิทัล  

ขณะที่ในส่วนของพนักงาน 75% ของพนักงานคาดว่าจะได้รับโบนัสประมาณ 15% ขึ้นไปของเงินเดือน และ 29%ของพนักงานให้ประเด็นความก้าวหน้าในอาชีพเป็นแรงจูงใจหลักในการเปลี่ยนงาน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีนิติบุคคลจดทะเบียนบริษัทใหม่ในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.2562 ถึง 38,222 ราย ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายได้พบว่า มีนิติบุคคลจดใหม่มากถึง 6,370 รายต่อเดือน ดังนั้นถ้าคิดจำนวนทั้งหมดถึงสิ้นปี 2562 คาดว่าจะมีนิติบุคคลใหม่ถึง 76,000 ราย โดย 3 อันดับอุตสาหกรรมที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่มากที่สุด คือ ก่อสร้างรับเหมา อสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหาร 

นอกจากนั้น ยังพบว่า ประเทศไทยเป็นผู้นำของโลกในการใช้อุปกรณ์มือถือ โดยคนไทย 69.24 ล้านคน มีการใช้มือถือมากถึง 92.33 ล้านเครื่อง แสดงว่าคน1 คนใช้มือถือมากกว่า 1 เครื่อง และมีการซื้อขาย ใช้บริการออนไลน์ มากถึง 90%

น.ส.ปุณยนุช กล่าวต่อไปว่าจากผลสำรวจภาพรวมตลาดของประเทศไทย ทางโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประเทศไทยได้มีการจัดแบ่งตาม 8 สาขาอาชีพ จำแนกได้ดังนี้

อาชีพทรัพยากรบุคคล โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 20-30% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ความก้าวหน้าในอาชีพ 36% ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 19% วัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 16% และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 14%  ซึ่ง 27%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 57% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

ต่อมาอาชีพเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-30% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 27% ความก้าวหน้าในอาชีพ 27% สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 15% และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 10%  ซึ่ง 32%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 56% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

น.ส.วรัปสร พงษ์ศิริบัญญัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการเงินและการบัญชี กฎหมาย และบริการทางการเงินและการธนาคาร กล่าวว่า ในส่วนของอาชีพนักบัญชีและการเงิน โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-25% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 28% ความก้าวหน้าในอาชีพ 26% สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 16% และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 10%  ซึ่ง 21%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 49% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

อาชีพการเงินและธนาคาร โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 20-25% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 33% ความก้าวหน้าในอาชีพ 27% สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 15% และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 8%  ซึ่ง 30%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 56% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

อาชีพนักกฎหมาย โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-25% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 61 % ความก้าวหน้าในอาชีพ 27% วัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 6% และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 6% ซึ่ง 17%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 56% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

น.ส.นัฐติยา ซอล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด-B2B และB2C และซัพพลายเชนและวิศวกรรม กล่าวว่าสำหรับอาชีพวิศวกรรมและการผลิต โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-30% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 33% โอกาสในการทำงานต่างประเทศ 30% ความก้าวหน้าในอาชีพ 15% และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 13% และ ซึ่ง 15 % ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 52% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

ทั้งนี้ อาชีพการขายและการตลาด โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-30% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ความก้าวหน้าในอาชีพ 34% ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 28% สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 15% และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกว่า 10%  ซึ่ง 36%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 49% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15% 

อาชีพซัพพลายเชนและการจัดซื้อ โดยเฉลี่ยผู้สมัครที่ย้ายงานคาดว่าจะมีการเพิ่มเงินเดือนระหว่าง 15-20% โดยปัจจัยย้ายงาน 4 อันดับแรก คือ ความก้าวหน้าในอาชีพ 29% ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีขึ้น 20% โอกาสในการทำงานต่างประเทศ 20 % และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น 15%  ซึ่ง 17%ของพนักงานในอุตสาหกรรมทรัพยากรบุคคลมีอายุงานน้อยกว่า 2 ปี และพนักงาน 62% ที่ทำงานตำแหน่งเดิม คาดว่าได้เงินเดือนปรับขึ้นประมาณ 7-15%

ปัญหาที่ตลาดแรงงานไทยเผชิญอยู่ก็คือความต้องการด้านบุคลากรมีมากกว่าจำนวนผู้สมัคร ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ว่าจ้างที่สามารถตอบสนองความคาดหวังโบนัสประจำปี 15%  ซึ่งในส่วนของการจ้างงานนั้น สถานประกอบการต้องการพนักงาน และผู้บริหารระดับกลางไปจนถึงระบบสูง ที่มีทักษะความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่เพียงสื่อสารโต้ตอบได้

โดยเฉพาะในส่วนของผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงที่ต้องมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่ดี สามารถต่อรอง เข้าใจธุรกิจของตนเองเพื่อประโยชน์ขององค์กร นอกจากนั้นต้องมีทักษะในการบริหารบุคคล และต้องมีความเข้าใจ เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ นวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมการทำงาน การเติบโตขององค์กรได้ทั้งในระดับประเทศ และสากล

ขอบคุณภาพประกอบจากโรเบิร์ต วอลเทอร์ส