'ชาญอิสสระ' เตือนปีหน้า อสังหาฯระวังสภาพคล่อง

'ชาญอิสสระ' เตือนปีหน้า อสังหาฯระวังสภาพคล่อง

ชาญอิสสระ ชี้ตลาดอสังหาฯปีหน้าทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เตือนระมัดระวังสภาพคล่อง รับปีนี้รายได้ กำไรพลาดเป้า หันจับตลาดไฮเอนด์ ล่าสุดเปิดตัวลักชัวรี่คอนโด “ดิ อิสสระ สาทร” มูลค่า 2,400 ล้าน

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ปีนี้รายได้ของบริษัทจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่อัตราเติบโต 15% เนื่องจากเผชิญความท้าทายในภาคอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต่างกับผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์รายอื่น จากเศรษฐกิจชะสอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวตาม และมาตรการคุมเข้มสินเชื่ออสังหาฯ (แอลทีวี) ที่กระทบต่อการขาย การโอนโครงการ ขณะที่รายได้จากโรงแรมศรีพันวาลดลง จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางเที่ยวไทย 

โดยผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่าขาดทุน 200 ล้านบาท นอกจากจะเกิดจากการขายและการโอนโครงการที่ชะลอตัวแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น จากการปรับปรุงโครงการในศรีพันวา จ.ภูเก็ต ทั้งการปรับปรุงวิลล่า และห้องประชุมในโรงแรม ปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติมโครงการทิวทะเล หัวหิน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทยังลุ้นว่าจะสามารถพลิกกลับมีกำไรได้ จากการโอนโครงการแนวราบระดับลักชัวรี่ 2 โครงการ คือ บ้านอิสสระ พระราม 9 และบ้านอิสสระ บางนา ที่จะทยอยโอนในไตรมาส 4 ปีนี้

ส่วนกลยุทธ์การพัฒนาโครงการและการขายของบร์ษัทจะหันมาเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับบนและระดับลักชัวรี่มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเริ่มจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ดิ อิสสระ สาทร มูลค่า 2.4 พันล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต จะเริ่มก่อสร้างในปี 63 หลังจากที่เตรียมยื่นขอวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2565 ราคาเริ่มต้น 4.88 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1-2-60 ไร่ บริเวณถนนจันทน์-สาทร มีขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้น 32.75-188 ตารางเมตร

สำหรับแนวโน้มอสังหาฯปีหน้า ประเมินว่าทรงตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามวัฐจักรต่อเนื่อง หลังจาก2-3ปีที่ผ่านมาซัพพลายออกมามาก กำลังซื้อน้อยลง และเศรษฐกิจที่เติบโต 3-4% มาจากการส่งออกเป็นหลัก สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดในการทำธุรกิจคือ สภาพคล่อง ในส่วนของบริษัทหากไม่มั่นใจจะไม่ลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่ม ยกตัวอย่าง โครงการหัวหิน ชะอำ จะต้องเป็นทำเลที่ติดทะเลเท่านั้นถึงจะทำ

"เราเลือกที่จะทำพรีเมี่ยมโปรดักท์ ให้ขายได้ง่าย ไม่ใช่ทำแล้วขายไม่ได้ ฉะนั้นต้องเลือกทำเลที่ใช่ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ขายได้แน่นอน ยกตัวอย่างโครงการ ดิ อิสสระ สาทร แทนที่จะเป็นซูเปอร์ลักชัวรี่ ปรับมาเป็นไฮเอนด์ แทน "