จี้รบ.ตั้งกองทุนเยียวยาเกษตรกร จากผลกระทบแบน3สารพิษ
เครือข่ายปชช. 686 องค์กร เรียกร้อง 3 ข้อเร่งด่วนก่อนแบน 3 สารพิษ 1 ธันวาคมนี้ เร่งออกกองทุนเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ แนะลดภาษีเครื่องจักรกลการเกษตร ดันพ.ร.บ.เกษตรฯ ยั่งยืน
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไท กล่าวว่า อีกไม่กี่สัปดาห์จะเข้าสู่การแบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด แต่ยังคงมีความกังวลในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรจะออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือ ทั้งนี้ภาคประชาชนมีข้อเสนอ 3 ข้อคือ 1 ต้องมีมาตรการชดเชยให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแบนสารเคมี ที่อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นกับกลุ่มเกษตรกรทั้ง 6 กลุ่ม ได้แก่ อ้อย ยาง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด มันสำปะหลังและไม้ผล โดยเฉพาะกลุ่มมันสำปะหลัง มีงานวิจัยชี้ว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 100 บาทต่อไร่ ซึ่งส่วนนี้ควรมีกองทุนชดเชยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
2 รัฐต้องลดภาษีเครื่องจักรกลทางการเกษตร เช่นจอบหมุน ซึ่งที่ผ่านมาต้องเสียภาษี 5 -20%ในขณะที่สารเคมีทางการเกษตรไม่ต้องเสียภาษีและ
3 การเปลี่ยนระบบการเกษตรที่ต้องอาศัยทั้งด้านนโยบายและกฎหมาย โดยเฉพาะกับพระราชบัญญัติที่จะต้องมาดูแลเรื่องสารเคมีโดยเฉพาะ ไม่พึ่งพาเพียงพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ซึ่งกำลังร่างอยู่ในขณะนี้ ส่วนพระราชบัญญัติส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่งผ่านมติครม.ไปแล้ว ก็ควรที่จะผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมายประกาศใช้เร็วที่สุด
อ่านข่าว-ประกาศ! จัดเก็บสารพิษทางการเกษตร ใครมีไว้ต้องส่งให้จนท.ใน15วัน
โดยทั้ง 3 ข้อเสนอ นี้เครือข่ายจะไปยื่นเสนอต่อปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย. 62)โดยยืนยันว่าควรจะต้องมีการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตรต่อไปตามกรอบระยะเวลา ขณะที่ภาคประชาชนได้รวมตัวกันเสนอทางเลือกในการทำเกษตรแบบไร้สารเคมีโดยมีเคสตัวอย่างกว่า 100 กลุ่มที่สามารถเป็นแนวทางให้กับเกษตรกรได้ แต่ก็อยากให้กระทรวงเกษตรเร่งประกาศแนวทางการกำจัดศัตรูพืชทดแทนการใช้สารเคมีออกมา
ส่วนกรณีสารชีวภัณฑ์ที่ผสมสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่เพิ่งพบ จะต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ก็ยอมรับว่ามีกลุ่มเกษตรกรที่พยายามพัฒนาสารชีวภัณฑ์ขึ้นมาจริงๆแบบไร้สารเคมี แต่ต้องใช้เวลาในการลงทะเบียนนานถึง 5 ปี กลุ่มที่ทำสารชีวภัณฑ์อย่างถูกต้อง และไม่เจือปนสารเคมี รัฐควรจะเข้าไปส่งเสริมสนับสนุน และลดระยะเวลาในการลงทะเบียนให้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 150 ล้านไร่ จำนวนนี้ 3.3 ล้านไร่ เป็นเกษตรแบบยั่งยืนใน 3.3 ล้านไร่ มีเกษตรอินทรีย์ประมาณ 1 ล้านไร่ ซึ่งจะต้องผลักดันให้พื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีเพิ่มมากขึ้น