Trade war รายวัน

Trade war รายวัน

คาด SET อ่อนตัวลงทดสอบ 1,600 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ จากความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปิดปรับขึ้น +5.77 จุด (+0.36%) ปิดที่ระดับ 1,608 จุด ด้วย Volume 4.3 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ดีดตัวขึ้นตอบรับความคาดหวังการบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน ประกอบกับได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 57 US/Barrel ได้ ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม PETRO, TOURISM และ ETRON  ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 515 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,783 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 3,047 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET อ่อนตัวลงทดสอบ 1,600 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ จากความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า จะไม่มีการยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทางจีนเรียกร้องก่อนที่จะทำข้อตกลงการเค้าเฟสแรก ส่งผลให้ sentiment การลงทุนเป็นลบโดย US Bond yield 10 ปีและราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง นอกจากนี้ตัวเลข GDP 3Q19 ไทยที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดโดย +2.4% และสภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ +2.6% (จากเดิม 2.7 – 3.2%) รวมถึงกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัวจะเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 ยังคงเติบโตขึ้น CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, TTW
  • MSCI rebalance มีผล 26 พ.ย.: Global Standard เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD 

           Small Cap CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM

หุ้นแนะนำวันนี้

  • SAWAD (ปิด 64.25 ซื้อ/เป้า Consensus 67) กลุ่มไฟแนนซ์ยังได้ผลบวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง (GDP ต่ำ, ค่าเงินบาทยังแข็ง มีลุ้นแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยอีก) นอกจากนี้ SAWAD ยังเป็นอีก 1 หุ้นที่ได้รับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่เริ่มมีผลตั้งแต่ 26 พ.ย.19 คาดหนุนสัดส่วนการลงทุนจากองทุนและนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น
  • MINT (ปิด 36.5 ซื้อ/เป้า 46) มองดีลซื้อ Bonchon จะเป็นบวกต่อ MINT โดยจะเพิ่มกำไรให้กับ MINT ทันทีเมื่อดีลเสร็จ เบื้องต้นคาดเพิ่ม EBITDA ให้กับธุรกิจอาหารของ MINT ประมาณ 5.8-7.8% และ เพิ่ม EBITDA รวมให้กับ MINT ประมาณ 1-1.3%  

บทวิเคราะห์วันนี้

EPG (ปิด 7.9 ถือ/เป้า 6.7), MINT (ปิด 36.5 ซื้อ/เป้าใหม่ 46 เดิม 47), TRUE (ปิด 4.44 ซื้อ/เป้าใหม่ 5.1 เดิม 8.2)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) Tech war มีข่าวดี แต่ Trade war ยังมีความไม่แน่นอน: วานนี้สหรัฐประกาศขยายเวลาให้ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ให้สามารถทำการซื้อขายสินค้ากับบริษัทของสหรัฐได้ ซึ่งเดิมสหรัฐขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน ด้วยการห้ามซื้อขายสินค้ากับบริษัทของสหรัฐตั้งแต่ พ.ค.19 อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 ส.ค.19 สหรัฐผ่อนผันให้ หัวเว่ย สามารถซื้อขายสินค้ากับบริษัทของสหรัฐได้ และครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่สหรัฐผ่อนผันให้กับหัวเว่ยอีกครั้ง โดยจะมีระยะเวลาการผ่อนผันทั้งสิ้น 90 วัน นับเป็นข่าวดีต่อกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิปของสหรัฐ อย่างไรก็ตามในด้านของ Trade war ยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากมีกระแสข่าวออกมารายวัน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้รอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.19
  • (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 67 เซนต์ กังวลสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่ม และเริ่มไม่มั่นใจกับ Trade war: : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 67 เซนต์ (-1.2%) ปิดที่ระดับ 57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 1) กังวลสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มหลังมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ของสหรัฐในเดือน ธ.ค.คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย.อีก 49,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.133 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 2) ยังมีความกังวลกับความไม่แน่นอนของ Trade war ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่กดดันให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบของโลกลดลง
  • (-) GDP ไตรมาส 3/19 ของไทยโตเพียง 2.4% ล่าสุดสภาพัฒน์ลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือโต 2.6% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี: สภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 ขยายตัว 2.4% แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.7% แต่ดีขึ้นจากไตรมาส 2/19 ที่ขยายตัว 2.3% เป็นผลจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนปรับตัวดีขึ้น การส่งออกหดตัวลดลง แต่ GDP ฟื้นตัวได้เล็กน้อยเพราะการบริโภคภาคเอกชนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว ส่งผลให้ 9M19 GDP ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ เพื่อสะท้อนตัวเลขดังกล่าว สภาพัฒน์จึงปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เป็นขยายตัว 2.6% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว  2.7-3.2% และคาด GDP ปีหน้าขยายตัว 2.7-3.7% คาดหลังจากนี้หน่วยงานต่างๆจะทยอยลดคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าในทิศทางเดียวกันกับสภาพัฒน์ เป็นลบต่อ Sentiment การลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร จาก Loan growth ลดลง ความเสี่ยงจาก NPLs เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันที่แบงก์ชาติอาจจะลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ