มช. เปิดตัว ข้าวสายพันธุ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมข้าวไทย 4.0 แก้ปัญหาผลผลิตต่ำ

มช. เปิดตัว ข้าวสายพันธุ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมข้าวไทย 4.0 แก้ปัญหาผลผลิตต่ำ

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนา ‘ข้าวสายพันธุ์ใหม่’ ด้วยเทคโนโลยีลำไอออน เพิ่มทางเลือกให้กับชาวนาไทย ถ่ายทอดองค์ความรู้ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตต่ำของข้าว

ปัจจุบันชาวนาไทยยังคงเป็นกลุ่มอาชีพอันดับต้น ๆ ที่มีหนี้สินมากที่สุด สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็คือชาวนาปลูกข้าวเพื่อการบริโภค (table rice) เป็นหลัก ซึ่งข้าวเพื่อการบริโภคเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูง ประเทศคู่แข่งเช่นประเทศเวียดนามและอินเดียสามารถผลิตข้าวได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศไทย จึงกดราคาข้าวให้ต่ำลงเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ซึ่งส่งผลให้ราคาการรับซื้อข้าวจากชาวนาในประเทศต่ำลงแทบไม่คุ้มต้นทุน ทำให้ชาวนาไทยอยู่ในสภาพที่ยากจนและเป็นหนี้สินมาก

157418162064

(บรรยายภาพ ...แผนภาพสรุปขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ข้าวด้วยเทคโนโลยีลำไอออนพลังงานต่ำที่คิดค้นขึ้นเอง โดยยกตัวอย่างจากการตั้งต้นด้วยข้าวสังข์หยดพัทลุง โดยจุดเด่นของเทคโนโลยีนี้มี 4 ประการดังนี้ 1) ยั่งยืน (คนไทยทั้งคิดค้นและสร้างเครื่องมือขึ้นเอง), 2) มีประสิทธิภาพสูง (การอาบไอออนเพียง 1 ครั้ง ได้ข้าวสายพันธุ์ดีจำนวนมาก, 3) ใช้เวลาสั้น (ทั้งในการอาบไอออนและในการได้สายพันธุ์ใหม่ที่เสถียรด้วยเวลาเพียง 2-3 ปี) และ 4) ปลอดภัย (ไม่ใช่ GMO และไม่เกิดรังสีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ติดตั้งเครื่องในห้องปกติได้)

เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตต่ำของข้าวที่เกษตรกรเพาะปลูกและเพิ่มทางเลือกให้กับชาวนาไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้นสังกัดของนักวิจัย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ คณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ผู้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยและพัฒนา ได้ร่วมกันส่งเสริมสภาเกษตรกรจังหวัดราชบุรี ผู้ริเริ่มโครงการทำนายุค 4.0 ที่ต้องการให้เกษตรกรมีรายได้อย่างต่ำ 10,000 บาท / ไร่ และมีตลาดรองรับที่แน่นอน ด้วยการส่งมอบข้าวสายพันธุ์ใหม่คุณภาพดี ผลผลิตสูง ที่พัฒนาสายพันธุ์ด้วยเทคโนโลยีชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ในข้าวด้วยลำไอออนพลังงานต่ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโลก ที่ใช้เวลากว่า 10 ปี คิดค้นพัฒนาขึ้นเองที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งด้านวิธีการและเครื่องมือ มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าวิธีการดั้งเดิมมาก

ตลอดปี 2562 สภาเกษตรกรจังหวัดราชบุรีและวิสาหกิจชุมชนเกษตรห้วยไผ่เพื่อการผลิต จ. ราชบุรีโดยการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้รวมประมาณ 50 ตัน เพื่อใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะส่งมอบให้กับชาวนาที่เป็นสมาชิกของโครงการไม่น้อยกว่า 1,000 ราย เพื่อเพาะปลูกในฤดูนาปรังและฤดูนาปี 2563 ในพื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ โดยชาวนาสมาชิกสามารถเลือกปลูกได้ 3 พันธุ์ที่มีความต้องการของตลาดที่แน่นอน

เพื่อแก้ปัญหาการปลูกข้าวที่ได้ผลผลิตไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ปัญหาโรคและแมลงศัตรูข้าวที่สำคัญระบาด เพราะพันธุ์ข้าวที่ไม่ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูข้าว ซึ่งข้าว 3 สายพันธุ์ดังกล่าว สามารถตอบโจทย์ของชาวนาไทยในยุค 4.0

157418208399

ข้าวทั้ง 3 พันธุ์มีจุดเด่นดังต่อไปนี้

1) ข้าวหอมเพื่อการบริโภค (มช 10-1 หรือ FRK-1): เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นอ่อน ไวต่อช่วงแสง มีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 124 วัน (โดยวิธีปักดำ) ค่อนข้างต้านทานโรคใบไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการบริโภค มีการยอมรับของผู้บริโภคใกล้เคียงกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในแง่ของสี, รสชาติ และเนื้อสัมผัส แต่จะนุ่มและคงสภาพความนุ่มนานกว่าแม้เมื่อเก็บไว้จนเย็นแล้ว และยังมีระดับสารหอม 2AP สูงถึง 6.55 ppm สูงกว่าระดับสารหอม 4.74 ppm ของข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่แปลงปลูก จ. ราชบุรี ฤดูนาปี 2561 และที่สำคัญมีผลผลิตเกี่ยวสดเฉลี่ย 2.13 ตัน/ ไร่ สูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิพันธุ์ดั้งเดิมที่ให้ผลผลิตเกี่ยวสดเฉลี่ย 0.5 ตัน / ไร่ เมื่อปลูกคู่กัน (แปลงปลูก จ. ราชบุรี ฤดูนาปี 2561) ดังนั้นจะทำให้ชาวนามีกำไรแน่นอนเมื่อหักต้นทุนประมาณ 5,000 บาท / ไร่ออกแล้ว

2) ข้าวเพื่ออุตสาหกรรมแป้ง (เทพ 10-5 หรือ MSY-4): เป็นข้าวเจ้าหอมอ่อนพื้นแข็ง ไม่ไวต่อช่วงแสง มีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 122 วัน ค่อนข้างต้านทานโรคใบไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล มีสารหอม 2AP ระดับ 0.79 ppm ผลผลิตเกี่ยวสด 1.54 ตัน / ไร่ (ข้าวปทุมธานี 1 ได้ผลผลิตเกี่ยวสด 0.99 ตัน / ไร่) ในแปลงปลูกที่ จ. ราชบุรี ฤดูนาปรัง 2562 เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมแป้งและการแปรรูปเป็นเส้นขนมจีน

3) ข้าวเพื่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ (เทพ 10-7 หรือ OSSY-23): เป็นข้าวเจ้าพื้นแข็ง ไม่ไวต่อช่วงแสง มีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 122 วัน ค่อนข้างต้านทานโรคใบไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล มีปริมาณโปรตีน 10.3% มีปริมาณไขมัน 3.6% ผลผลิตเกี่ยวสด 1.540 ตัน / ไร่ เหมาะที่จะนำไปเป็นอาหารสัตว์ เช่นหมู ที่ต้องการอาหาร 2.2 กิโลกรัม / วัน / ตัว

157418158280

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์ความเป็นเลิศทางฟิสิกส์ ได้จัดพิธีแถลงข่าวเรื่อง “ข้าวสายพันธุ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมข้าวไทย 4.0” และการลงนามความร่วมมือวิชาการ ระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับสภาเกษตรกรจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาการเกษตรด้านข้าว ซึ่งมีกรอบความร่วมมือโดยใช้สายพันธุ์ข้าวพันธุ์กลายที่ได้จากการชักนำในเกิดการกลายพันธุ์ในข้าวขาวดอกมะลิ 105 FRK-1 ข้าวสังข์หยดพัทลุงพันธุ์กลาย MSY-4 ข้าวสังข์หยดพัทลุงพันธุ์กลาย OSSY-23 ด้วยลำไอออนพลังงานต่ำ ไปทดลองปลูกที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการช่วยแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดอุตรดิตถ์

ก่อนหน้านี้ได้ร่วมกันส่งเสริมสภาเกษตรกรจังหวัดราชบุรี ผู้ริเริ่มโครงการทำนายุค 4.0


การลงนามความร่วมมือวิชาการกับทางราชบุรี จะสามารถพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร องค์กรเกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวพันธุ์กลาย ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพผลผลิตข้าวพันธุ์กลายและการตลาดแบบครบวงจรได้ต่อไป

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และสภาเกษตรกรจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยวิสาหกิจชุมชนเกษตรห้วยไผ่เพื่อการผลิต จ.ราชบุรี ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวของชาวนาไทย ได้ใช้เทคโนโลยีลำไอออนดังกล่าว พัฒนาข้าวอีกหลายสายพันธุ์ใหม่ ที่พบว่าน่าสนใจมากขณะนี้ก็คือ

ก) ข้าวญี่ปุ่นก่ำ (AKM-P-22) สำหรับการบริโภคเพื่อสุขภาพ: เป็นข้าวกล้องสีก่ำทั้งเมล็ด กาบใบสีม่วง ผลผลิต 600-800 กก. / ไร่ คุณภาพหุงต้มรับประทานดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีตลาดอาหารญี่ปุ่นรับซื้อแน่นอน

ข) ข้าวญี่ปุ่น (AKM-6-1) สำหรับการบริโภคทั่วไป: ผลผลิต 900 - 1,180 กก. / ไร่ มีปริมาณอมิโลส 20.6 % คุณภาพหุงต้มรับประทานดี ใกล้เคียงกับพันธุ์ดั้งเดิม กวก.2

ในขณะที่พันธุ์ดั้งเดิม กวก.2 ให้ผลผลิตต่ำเพียง 304 - 584 กก. / ไร่ เมื่อแน่ใจว่าข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ใหม่ทั้งสองเสถียรตามมาตรฐานแล้วจะได้นำไปส่งเสริมแก่ชาวนา เพื่อจะมีตัวเลือกมากขึ้นต่อไป

157418149078

เครื่องยิงไอออนขนาดกะทัดรัด เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเครื่องแรกและเครื่องเดียวของประเทศไทย ที่สร้างขึ้นเองที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยนักฟิสิกส์ไทย