ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัว 1,595 - 1,610 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะมีปัจจัยบวกจากความคาดหวังการบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ปิดปรับลง -7.24 จุด (-0.45%) ปิดที่ระดับ 1,602 จุด ด้วย Volume 4.5 หมื่นล้านบาท จากแรงขายในกลุ่มหุ้นที่งบ 3Q19 ออกมาน่าผิดหวัง นอกจากนี้ยังมีแรงขายลดความเสี่ยงเพื่อรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม CONS, AGRI และ CONMAT  ส่วนนักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิ 719 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 875 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX จำนวน 12,046 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,595 - 1,610 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะมีปัจจัยบวกจากความคาดหวังการบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางสหรัฐ เผยว่า การเจรจาการค้าเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้วโดยลงรายละเอียดและช่วงเวลาที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ รวมถึงประเด็นสินทรัพย์ทางปัญญา นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 57 US/Barrel จากคาดการณ์กลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 5 – 6 ธ.ค.จะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและดัชนี อย่างไรก็ตามกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ชะลอตัว รวมถึงสัญญาณเทคนิคของดัชนีที่เคลื่อนตัวในกรอบขาลงจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTTEP) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบขึ้นยืนเหนือ 57 US/Barrel
  • MSCI rebalance มีผล 26 พ.ย. : Global Standard เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD 

            Small Cap CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM

  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BGC (ปิด 13.2 ซื้อเก็งกำไร / เป้า IAA Consensus 16 บาท) ราคาหุ้นลดลงแรงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 3Q19 ไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มใน 4Q19 รวมถึงต้นปีหน้าจะได้ประโยชน์และ Sentiment บวกจากต้นทุนราคาก๊าซที่ลดลง หลังจากปัจจุบันราคาน้ำมันเตาที่มีซัลเฟอร์สูงราคาร่วงแรงเนื่องจากกองเรือเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเตาที่มีกำมะถันและซัลเฟอร์ต่ำก่อนที่มาตรการใหม่ของ IMO จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป (สูตรคำนวณราคาก๊าซ Link กับราคาน้ำมันเตา HSFO)
  • CPF (ปิด 26.25 ซื้อ/เป้า 33.5) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อ ก.ก. เป็น 60 บาทต่อก.ก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 60,000 ดองต่อก.ก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q19 และ 4Q19 ฟื้นตัว

บทวิเคราะห์วันนี้  CPF (ปิด 26.25 ถือ/เป้า 33), Thailand Strategy (การเจรจายืดเยื้อ ระวังตลาดเซ)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) Trade war เริ่มเห็นข่าวดี แต่ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน: ล่าสุด นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่าปัจจุบันการเจรจาทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้จัดประชุมผ่าน Video Conference เพื่อลงรายละเอียดและกำหนดเวลาที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ เช่น เนื้อหมูและถั่วเหลือง รวมถึงประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับในทางบวกทันที โดยดัชนี ดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้นทำ New high อีกครั้ง (ดาวโจนส์ +223 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ระดับ 28,005 จุด) อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้งตราบใดที่ทั้ง 2 ประเทศยังไม่มีรายละเอียดของข้อตกลงที่แน่นอนเชื่อว่าตลาดหรือดัชนีจะยังผันผวนตามกระแสข่าวที่ออกมาเป็นรายวัน
  • (-) ผลกำไรบริษัทจดทะเบียน 3Q19 (97% ของตลาด) มีกำไรสุทธิรวม 2.17 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 2.3%qoq แต่หดตัว 17%yoy โดยมีธุรกิจปิโตรฯและโรงกลั่นเป็นตัวฉุด: จากการรวบรวมผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน 3Q19  ล่าสุดมีบริษัทประกาศงบออกมาแล้ว 763 บริษัทคิดเป็น 97% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด หรือ คิดเป็น 92% หากเทียบเป็น Market cap พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 2.17 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3%qoq แต่หดตัว 17.2%yoy และเมื่อรวม 9 เดือน มีกำไรสุทธิรวม 6.9 แสนล้านบาท ลดลง 14.6%yoy หลักๆมาจากการลดลงของผลกำไรในกลุ่มธุรกิจปิโตรฯและโรงกลั่นซึ่งไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบและสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจที่ผลกำไรออกมาน่าผิดหวัง อาทิ กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, กลุ่มมีเดีย และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ผลกำไรที่อ่อนแอดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ตลาดปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ลงอีก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะส่งผลลบต่อ SET Index ไม่มากเพราะตลาดรับรู้กับปัจจัยนี้ไปบ้างแล้ว
  • (+/-) วันนี้ติดตาม สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 3/19 ของไทย Consensus คาดโต 2.7% จาก 2.3% ในไตรมาส 2/19: ตลาดคาด GDP ไตรมาส 3/19 ของไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นขยายตัว 2.7% จากที่ขยายตัวเพียง 2.3% ในไตรมาส 2/19 จากการส่งออกที่หดตัวน้อยลงการท่องเที่ยวกับมาฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดหรือต่ำกว่าระดับ 2.5% จะเป็น Downside ให้ตลาดปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้ลงอีก เนื่องจากปัจจุบันหลายหน่วยงานคาดการณ์ GDP ในปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 2.7-2.9% นั่นหมายความว่าครึ่งปีหลังของปีนี้ GDP ไทยจะต้องโต 3% ถึงจะได้อัตราการเติบโตตามที่มีการคาดการณ์ หาก GDP ยังเติบโตลดลงจะเป็นลบต่อผลการดำเนินงานและ Sentiment การลงทุนโดยเฉพาะหุ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร