'ภูมิธรรม' มั่นใจเลือกตั้งซ่อมเขต7 ขอนแก่น 'เพื่อไทย' ยังรักษาพื้นที่ได้

'ภูมิธรรม' มั่นใจเลือกตั้งซ่อมเขต7 ขอนแก่น 'เพื่อไทย' ยังรักษาพื้นที่ได้

ภูมิธรรม” มั่นใจเลือกตั้งซ่อมเขต7 ขอนแก่น เพื่อไทยยังรักษาพื้นที่ได้ ชี้เป็นการวัดศรัทธาของประชาชนระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.62 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะกรรมการและเลขากรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทย บอกถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น ว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหา ในวันจันทร์ ที่ 18 พ.ย.เวลา 13.30น. โดยได้มีการประกาศเชิญชวนผู้ที่จะอาสาเข้ามาสมัครลงเลือกตั้งไปตั้งแต่วันที่15 พ.ย.แล้ว และมีคนเข้ามาแสดงความจำนวค์หลายท่าน ซึ่งจะมีการพูดคุยเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสม โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า เพราะจะต้องมีกระบวนการสรรหา โดยพูดคุย กับผู้สมัคร และ ส.ส.ในแต่ละเพื่อที่ของจังหวัดขอนแก่น และรับฟังจากรรมการจังหวัดในหน่วยเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ในพรรคฝ่ายค้านด้วยกันก็มีสิทธิที่จะพิจารณาส่งคนลงเลือกตั้งได้ เพราะแต่ละพรรคการเมืองก็มีสิทธิที่จะนำเสนอบุคคลของตัวเองที่มีความเหมาะสม และขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพรรค ซึ่งก็คงจะเงื่อนไขการพิจารณาอยู่แล้วว่าจะส่งผู้สมัครหรือไม่อย่างไร เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคะแนนบัญชีรายชื่อ โดยพรรคเพื่อไทยก็จะทำให้ดีที่สุด และพื้นที่ครั้งนี้ เป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย ที่ทำงานมาต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าจะประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทยเพื่อให้เดินหน้าทำงานต่อไปได้

โดยขณะนี้ก็มีผู้แสดงความจำนง 3ท่าน ซึ่งพรรคก็พยายามจะตรวจสอบคุณสมบัติ และรับฟังความคิดเห็นจากทุกส่วน รวมถึงผู้แทนราษฎรในภาคอีสานก็จะต้องมีการช่วยกันในการสรรหา และนำข้อมูลมาหารือ เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ก็ต้องการรักษาที่นั่งและทำงานในฐานะฝ่ายค้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ นายภูมิธรรม มองว่า เป็นการต่อสู้เพื่อวัดความศรัทธาของประชาชน ระหว่างฝ่ายรัฐบาลที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำอยู่ ได้ทำงานผลงานต่างๆเป็นที่พอใจกับประชาชนแล้วหรือไม่ กับฝ่ายค้านที่กำลังทำหน้าที่มาตลอด จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบของทั้งสองฝ่าย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็ให้ความสำคัญเต็มที่

ทั้งนี้ มั่นใจว่า เพื่อไทยมีความพร้อมและประชาชนยังให้การสนับสนุนพรรค แม้การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ยังลำบาก เพราะต้องสู้กับรัฐบาลที่มีกลไกอยู่ แต่เชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านจำคำนึงถึงผลประโยชน์ทางการเมืองในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้ดีที่สุด

นายภูมิธรรม ยังบอกถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เชิญนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปชี้แจงปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ในวันที่ 20 พ.ย. ว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และกรรมาธิการโดยรวมทำนั้น ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ไปตามกรอบของกฎหมาย คือการทำหน้าที่ในการตรวจสอบ เมื่อมีคำถามและการสงสัย หากเรียนเชิญไปก็ควรมาชี้แจง และคิดว่านายกรัฐมนตรี ไม่ควรหลบเลี่ยงกระบวนการต่างๆ เพราะถือเป็นเวทีที่แต่ละฝ่ายมีทัศนที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถมาทำความเข้าใจกันได้ และทั้งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกังวล ถ้าสิ่งที่ทำมีกฎหมายรองรับ

ทั้งนี้ มองว่า ยังมีกรรมาธิการบางท่าน มีท่าทีที่เป็นภาพพจน์ ว่า จะไปต่อสู้ เอาคืน และตั้งใจที่จะทำให้การทำดำเนินการไม่เกิดประสิทธิภาพ จึงถือว่ายังมีความน่าเป็นห่วง ดังนั้น จึงมองว่า ทุกฝ่ายควรเอาประโยชน์ส่วนตนออก เพื่อให้ได้เดินไปตามระบบของสภา และหากคนเหล่านั้นเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมากเกินไป

ส่วนกรณีที่จะมีการเลือกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งขณะนี้มีการพูดคุยว่า การเลือกกรรมาธิการฯครั้งนี้ เป็นการเปิดประตูครั้งแรกของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้โควต้าของคณะกรรมาธิการ 19 คน ที่เป็นการรวมมือกันจากประชาชนหลากหลายวิชาชีพ ทั้งตัวแทนนักศึกษา ตัวแทนสื่อมวลชน และตัวแทนกลุ่มวิชาชีพ ก็จะทำให้รัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นใหม่เป็น รัฐธรรมนูญที่จะสะท้อนปัญหาความต้องการของคนทั้งสังคมได้ เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ร่างโดยคนกลุ่มหนึ่งนั้นสร้างปัญหามาจนถึงทุกวันนี้และเป็นอุปสรรคในการแก้ไข ดังนั้นหากจะแก้ไขก็ไม่ควรไปนำคนกลุ่มเดิมๆเข้ามา ควรมีกระบวนการที่กว้างขวางและจะดึงตัวแทนจากกลุ่มต่างๆเข้ามา  ซึ่งจะไม่ได้เริ่มจากโควต้า