คิงส์เกตเลื่อนเจรจาอัครา ปมสถานที่คุยฮ่องกงป่วน

บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้ากระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่าง คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด กับราชอาณาจักรไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ได้ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ไปแล้วนั้น วานนี้(15 พ.ย.)ทางบริษัทฯ ได้ทำการประกาศแจ้งเป็นเอกสารสำหรับเผยแพร่ต่อสาธารณชนไว้ในเว็บไซต์ www.kingsgate.com.au อย่างเป็นทางการ เพื่อรายงานความคืบหน้าดังกล่าว มีใจความว่า

บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด (ASX:KCN) (“คิงส์เกต” หรือ “บริษัทฯ”) ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ และรัฐบาลไทยได้รับอนุญาตจากคณะอนุญาโตตุลาการให้เลื่อนการพิจารณาคดีตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับราชอาณาจักรไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ออกไป (กรณีที่มีคำสั่งให้เหมืองแร่ทองคำชาตรียุติการประกอบกิจการในปี 2559) จากเดิมที่จะต้องจัดให้มีขึ้น ณ ฮ่องกง ระหว่างวันที่ 18 – 29 พ.ย. 2562 นี้

รวมทั้ง บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด และภายหลังจากที่มีการยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันกับรัฐบาลไทยขอให้คณะอนุญาโตตุลาการเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน โดยบริษัทฯ คำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานและพยานทุกคนของบริษัทฯ เป็นสำคัญ ขณะนี้ บริษัทฯ กำลังเร่งดำเนินการให้มีการจัดการพิจารณาดคีขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ อย่างเร็วที่สุด

 

นายรอส สมิธ-เคิร์ก ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ กล่าวว่า การเลื่อนการพิจารณาคดีในครั้งนี้ว่า อยากขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า การเลื่อนพิจารณาคดีในครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าคดี

ของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งลดลงแต่อย่างใด เพราะบริษัทยังคงมั่นใจในข้อโต้แย้งและหลักฐานต่างๆ ที่มี แต่นี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่บริษัทฯ พึงมีต่อคนของตน ในการดูแลสวัสดิการและความปลอดภัยของพนักงานและพยานของบริษัทฯ

“บริษัทฯ จะแจ้งวันและสถานที่ในการพิจารณาคดีให้ทราบในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงพร้อมที่จะเข้าพบเพื่อหารือถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อหาทางออกร่วมกันกับรัฐบาลไทย”

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้สั่งการให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดพิจารณาข้อดีข้อเสียในแต่ละแนวทางอย่างละเอียดและหาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อยุติปัญหากับบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด จากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีใน 3 จังหวัด คือพิจิตร พิษณุโลกและเพชรบูรณ์

ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่า แนวทางการแก้ปัญหาจะต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งมองว่าหนึ่งในทางเลือกคือการเจรจากับทาง บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด โดยอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่จะต้องดำเนินการไม่ให้เกิดการเสียเปรียบหรือเอาเปรียบเอกชน

ส่วน การเจรจาจะต้องมุ่งหาทางออ กร่วมกัน เช่น การให้สัมปทานกับเอกชนเพิ่มเติมหรือการเปิดให้สำรวจแร่เพิ่มเติมแต่เอกชนต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่ฉบับใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน แต่ถ้าทำตามเงื่อนไขตามกฎหมายไม่ได้ก็ต้องยกเลิกไป เพราะรัฐบาลจะต้องดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนด้วย ดังนั้นในช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นข้อเสนอและเงื่อนไข โดยขณะนี้ยังมีเวลาให้เจรจาหากสามารถตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย ก็เลื่อนอนุญาโตตุลาการได้

นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทคิงส์เกตเคยได้ยื่นหนังสือขอเจรจากับรัฐบาลมาแล้ว หากทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมก็เจรจาหาทางออกร่วมกัน โดยรัฐบาลต้องหาข้อเสนอและเงื่อนไขที่ละเอียดและรอบคอบเพราะปัญหานี้มีความละเอียดอ่อน ซึ่งคาดว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นได้และจะได้ข้อสรุปที่ดี