มั่นใจไทยป้องกันความเสี่ยงโลกได้

มั่นใจไทยป้องกันความเสี่ยงโลกได้

พาณิชย์ แจงผลการสำรวจความเสี่ยงด้านการประกอบธุรกิจไทย มั่นใจมาตรการรัฐบาลป้องกันแล้วหลายด้าน เศรษฐกิจไทยรับมือได้

 นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  เปิดเผยว่า ตามทีสภาธุรกิจโลก หรือWEF ได้จัดทำรายงานความเสี่ยงโลก (Global Risk Report)   โดยการสอบถามความคิดเห็น (Opinion Survey) ของผู้นำภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับคาดการณ์ในอนาคต และวิเคราะห์เป็นรายภูมิภาค  โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย  ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นอันดับ 1 เพราะหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งแผ่นดินไหนและสึนามิ ส่งผลกระทบแก่ประชากรกว่า 50 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 56.8 พันล้านดอลลาร์ ความเสี่ยงอันดับที่ 2 คือ เรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ที่มีการลักลอบเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ บ่อยครั้งขึ้น  และเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ของเกาหลีเหนือ หรือ แรงกดดันจากสถานการณ์ของสหรัฐ-จีน เป็นต้น

น.ส. พิมพ์ชนก กล่าวว่า  จากผลการสำรวจของไทยที่กล่าวถึงเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ หรือ asset bubble ไม่ใช่เรื่องที่กังวลว่าราคาอสังหาริมทรัพย์สูงเกินไป แต่เกิดจากความกังวลว่าดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มต่ำอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้อสังหาริมทรัพย์ออกมาล้นตลาด (oversupply) ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว จะเห็นได้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างเข้มงวดออกมานานพอสมควร จึงไม่น่าจะต้องกังวลในระยะต่อไป

สำหรับประเด็นความกังวลเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลนั้น ในช่วงที่ทำการสำรวจความเห็นเป็นช่วงที่ไทยกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล แต่ในขณะนี้ รัฐบาลจัดตั้งเรียบร้อย มีการประกาศนโยบายที่ชัดเจน และได้ดำเนินนโยบายและขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ มาเป็นรูปธรรมตามลำดับ การมีเสถียรภาพจึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยความเสี่ยงในระยะต่อไป  ในด้านการโจมตีด้วยไซเบอร์ Cyber attack ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีความพยายามในการป้องกันปัญหามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับเรื่องปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ที่รัฐบาลเดินหน้าเรื่องการลดการใช้พลาสติค ฟื้นฟูทะเลและสภาพแวดล้อมในที่ต่าง ๆ การสนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือก การอนุญาตติดโซลาร์เซลส์ที่บ้านและที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น และนโยบายอื่น ๆ แต่ทั้ง 2ประเด็นความเสี่ยงนี้ ไทยอาจจะเพิ่มความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคมากขึ้นได้ เพราะสามารถเรียนรู้และช่วยกันป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นข้ามพรมแดนได้

               

                157380311367

น.ส. พิมพ์ชนก กล่าวว่า  ความเสี่ยงทางด้านสังคม ตรงนี้ต้องถือว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับการดูและกลุ่มต่าง ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงมาก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร มานานแล้ว จะเห็นได้ว่า นโยบายที่ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ทั้งการเพิ่มรายได้ผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการประชารัฐ โครงการ ชิม ช็อป ใช้ การสนับสนุนด้านการออมเงินของประชาชน ไปถึงนโยบายประกันรายได้ของสินค้าเกษตรสำคัญ ที่ได้ดำเนินการมาอย่างเป็นรูปธรรม ล้วนแล้วแต่เป็นมาตรการที่จะลดความเสี่ยงทางด้านสังคมของไทย และจะเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากในทุกหน่วยงานต่อไป จึงน่าจะลดความเสี่ยงลงไปได้อย่างมาก

“ความเสี่ยงที่ WEF ได้จากการสำรวจความเห็นของภาคธุรกิจนั้น ถือเป็นประเด็นที่เตือนล่วงหน้า (early warning) ให้ประเทศต่าง ๆ มีแนวทางรองรับและป้องกัน ซึ่งในส่วนของไทย หลายด้านได้มีมาตรการออกมาล่วงหน้าแล้ว และอีกบางด้านก็กำลังดำเนินการอยู่ “

น.ส. พิมพ์ชนก กล่าวว่า  การปรับตัวเพื่อรองรับความเสี่ยงเหล่านี้ ถือว่าประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้าน ที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งความเข้มแข็งของเศรษฐกิจมหภาค ความสามารถและศักยภาพในการปรับตัวของผู้ส่งออกและผู้ประกอบการของไทย แนวนโยบายของรัฐบาลที่จะสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรและSME  การส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และนโยบายที่จะเดินหน้าพัฒนาภาคบริการใหม่ๆ ที่จะเป็นกลไกสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นให้คนไทยและเศรษฐกิจไทย เช่น ดิจิทัล ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และ Wellness นอกจากนี้ ดังนั้น ประเด็นความเสี่ยงด้านการประกอบธุรกิจของไทย ถือว่ารัฐบาลรับมือไว้แล้ว จึงไม่น่ามีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตต่อไปได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงต้องศึกษาและติดตามประเด็นต่าง ๆ เพื่อรักษาและขยายความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและฐานะการเงินของประเทศที่ยังดีอยู่ให้เดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่มีทิศทางที่ชัดเจน และมีการดำเนินการเป็นรูปธรรม