ปี63เผาจริง! 'นักลงทุนทั่วโลก' ระมัดระวังเพิ่มด้านลงทุน

ปี63เผาจริง! 'นักลงทุนทั่วโลก' ระมัดระวังเพิ่มด้านลงทุน

กองทุนทั่วโลกมองแนวโน้มการลงทุนในปี 2563 ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ท่ามกลางความวิตกกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ก็ยังคงมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และภาวะตลาดในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซึมๆในขณะนี้ พลอยทำให้บรรยากาศการค้า การลงทุนไม่สดใสไปด้วย ประกอบกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างคาดหวังว่าจะจบลงในเร็ววัน โลกนี้จะได้ไม่มีสงครามการค้า ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่หลายคนอยากจะเห็น จึงทำให้นักลงทุนทั่วโลกมองว่าปี2563 จะเป็นปีของการ“เผาจริง” ต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง

ยูบีเอส สถาบันการเงินชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ เผยแพร่ผลสำรวจนักลงทุนที่มั่งคั่งจำนวนกว่า 3,400 คนทั่วโลก ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ พบว่า นักลงทุนทั่วโลกมองแนวโน้มการลงทุนในปี 2563 ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ก็ยังคงมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และภาวะตลาดในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนท์ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. บ่งชี้ชัดว่านักลงทุนมองภาวะตลาดปี 2563 อย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความเชื่อมั่นสำหรับทศวรรษหน้า การลงทุนระยะยาว โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 8 ใน 10 หรือประมาณ 79% ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่า ตลาดต่างๆจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะที่ผันผวนมากขึ้น และ 66% เชื่อว่าตลาดจะถูกผลักดันโดยเหตุการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ในขณะนี้มากกว่าจะถูกผลักดันจากปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ เช่น ความสามารถในการทำกำไร รายได้ และแนวโน้มการขยายตัว

ผลสำรวจ ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนใช้ในการพิจารณาภาวะตลาด ขณะนี้เปลี่ยนไปแล้ว และกลายเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ ที่เป็นปัจจัยหลักสำหรับนักลงทุนแทน ซึ่งผลสำรวจ พบว่า ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ใหญ่ที่สุด 3 ประการ ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้แก่ ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน การเมืองภายในประเทศ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563

นักลงทุน 44% ทั่วโลกยังคงวิตกกังวลว่า ความขัดแย้งด้านการค้าจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนในปีหน้า ซึ่งถือเป็นความวิตกมากที่สุดในบรรดาปัจจัยเสี่ยงสูงสุด 3 ประการที่กล่าวมา แต่ดูเหมือนว่า นักลงทุนในจีนมีความวิตกกังวลน้อยที่สุดเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้า โดยมีนักลงทุนเพียง 30% ในจีนที่วิตกเกี่ยวกับการค้า ในทางตรงกันข้าม ผู้ตอบแบบสำรวจในสหรัฐประมาณ 45% แสดงความกังวลเกี่ยวกับการค้า

“พอลา โพลิโต” เจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ลูกค้าของยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนท์ ให้ความเห็นว่า “นักลงทุนมองว่าการเชื่อมโยงกันทั่วโลกและผลกระทบที่ต่อเนื่องของการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของพวกเขามากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจแบบดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากอดีต”

เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค นักลงทุนในละติน อเมริกา มีความระมัดระวังในระยะใกล้มากกว่าภูมิภาคหลักอื่นๆ โดยผู้ตอบผลสำรวจ 80% มองว่า ตลาดกำลังจะเผชิญกับความผันผวนเพิ่มขึ้น และ 64% วิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ส่วนนักลงทุนในเอเชีย มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะตลาดในระยะสั้นน้อยกว่านักลงทุนที่ได้รับการสำรวจในภูมิภาคอื่นๆ โดย 76% เชื่อว่า ตลาดจะเผชิญความผันผวนมากขึ้น และ 40% กังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้า และในประเด็นความท้าทายเพิ่มขึ้นนั้น บรรดานักลงทุนกำลังมองหากลยุทธ์ในการปกป้องการลงทุน โดย 64% กำลังพิจาณาซื้อหุ้นคุณภาพสูง ซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุด ขณะที่ 62% จะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ และ 60% วางแผนที่จะเพิ่มการถือครองเงินสดในพอร์ตการลงทุน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความวิตกกังวลในระยะสั้นเพิ่มขึ้น แต่ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ ก็แสดงความเชื่อมั่นสำหรับภาวะตลาดในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดย 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจ มีมุมมองเชิงบวกกับผลตอบแทนการลงทุนในปี 2563-2572 และ 88% มีแนวโน้มที่จะปรับพอร์ตการลงทุนตามแรงผลักดันการพัฒนาเศรษฐศาสตร์มหภาคในระดับโลก (mega-trends)

ผู้ตอบแบบสำรวจ 87% ระบุว่า ประชากรวัยสูงอายุเป็นแนวโน้มระดับโลกที่มีการระบุถึงมากที่สุด ขณะที่แนวโน้มอื่นๆ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ อาทิ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) รวมถึงแนวโน้มที่ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง และผู้ตอบแบบสำรวจ 82% แสดงความสนใจอย่างมากในการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะถูกขับเคลื่อนโดยประเด็นต่างๆ ที่นักลงทุนเชื่อว่ามีความสำคัญมากที่สุดสำหรับโลกในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ประเด็นดังกล่าวได้แก่ น้ำสะอาดและสุขาภิบาล การเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดี ตลอดจนด้านมลพิษ และการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยนักลงทุนในกลุ่มประชากรอายุ 18-34 ปี มีจำนวนมากกว่ากลุ่มอายุอื่นที่แสดงความเชื่อมั่นในการลงทุนในระยะยาว และการลงทุนที่ยั่งยืน และในบรรดาคนรุ่นใหม่ 84% มีความสนใจอย่างมากในการจัดพอร์ตการลงทุนของพวกเขาให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า ขณะที่ 83% พิจารณาการลงทุนที่ยั่งยืน เมื่อเทียบกับ 30% ของผู้ที่มีอายุ 51 ปีขึ้นไปในทั้งสองกรณี

ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์กว่า 100 คนของรอยเตอร์ส ช่วงวันที่ 8-13 พฤศจิกายน บ่งชี้ว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์ไม่คิดว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยุติลงในปี 2563 ขณะเดียวกันก็มีความวิตกกังวลน้อยลงเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ก็มั่นใจว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

“ภาวะเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังคงอยู่ในช่วงขาลง เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า และเราจะได้ยินได้ฟังข่าวดีเกี่ยวกับประเด็นการค้าน้อยลง โดยเฉพาะการยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างถาวรจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าจึงอ่อนแรงมาก เปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ”เจมส์ ไนท์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของไอเอ็นจี ให้ความเห็น

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ยังคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวที่1.9% ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ลดลงเล็กน้อยจาก 2.0% ในไตรมาส2 และคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในอัตรานี้ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2564