สรรพสามิตจับมือกรุงไทย ยกระดับบริการด้านภาษี เร่งผลักดันบล็อกเชนคืนภาษีส่งออกน้ำมัน

สรรพสามิตจับมือกรุงไทย ยกระดับบริการด้านภาษี เร่งผลักดันบล็อกเชนคืนภาษีส่งออกน้ำมัน

กรมสรรพสามิตจับมือกรุงไทย ร่วมยกระดับการให้บริการด้านภาษีบนดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีบล็อกเชน นำร่อง 3 บริการ

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังที่ให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง พัฒนาการให้บริการบนระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)  เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานรองรับภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ โดยกรมสรรพสามิตได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการของกรมสรรพสามิตในการจัดเก็บภาษีผ่านระบบดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ช่วยให้กรมสรรพสามิตสามารถยกระดับการให้บริการผ่านระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตลอดจนเพิ่มความถูกต้องในการบันทึกข้อมูล
            
กรมสรรพสามิต จึงได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย นำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนมาพัฒนาการให้บริการทางด้านภาษี เพิ่มความโปร่งใส สะดวก รวดเร็วในการจัดเก็บและคืนภาษี โดยได้ดำเนินการในเบื้องต้น 3 โครงการ ประกอบด้วย การคืนภาษีการส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน (Tax Refund Blockchain) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน การวางหลักทรัพย์ค้ำประกันค่าภาษีสรรพสามิต (e-Bank Guarantee) ด้วยระบบดิจิทัล และการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีการจำหน่าย สุรา ยาสูบ และไพ่ (License Renewal) ด้วยระบบดิจิทัล


ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้วางระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้กับภาครัฐ การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มายกระดับการให้บริการต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ที่สำคัญทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการและข้อมูลได้รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

ทั้งนี้ ธนาคารได้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน มาช่วยบริหารจัดการด้านการคืนภาษีการส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม (Tax Refund Blockchain) ทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าระบบ บล็อกเชน มีความปลอดภัย เป็นระบบพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับหน่วยงาน ภายใต้หน่วยงานกระทรวงการคลังและภายใต้ข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง กรมสรรพสามิตได้ศึกษาข้อมูลร่วมกับธนาคารกรุงไทย โดยเลือกนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการบริหารการจัดเก็บข้อมูล และการคืนภาษีส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชน มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูล มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบความถูกต้องจากแหล่งที่มาตั้งแต่สินค้าน้ำมันออกจากโรงอุตสาหกรรม ไปยังคลังเก็บสินค้า จนถึงกระบวนการส่งออกไปยังประเทศปลายทาง ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด สามารถตรวจสอบสถานะได้ ตั้งแต่การยื่นขอคืนภาษี จนกระทั่งได้รับภาษีคืน ช่วยลดขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารที่ซ้ำซ้อนและสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทันที เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้กระบวนการในการคืนภาษีรวดเร็วขึ้นจากปกติถึง 3 เท่า และยังเป็นการลดการรั่วไหลของการจัดเก็บภาษีน้ำมันเพื่อการส่งออกได้เป็นอย่างดี


นอกจากนี้ ธนาคารได้นำระบบดิจิทัลมาใช้ใน การวางหลักทรัพย์ค้ำประกันค่าภาษีสรรพสามิต (e-Bank Guarantee) โดยผู้ประกอบการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ของกรมสรรพสามิตได้ตลอด 24 ชม. เพิ่มความสะดวก  รวดเร็ว และลดขั้นตอนในการดำเนินงาน และผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง  และพัฒนาระบบการชำระค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตรายปีการจำหน่ายสุรา  ยาสูบ และไพ่ ผู้ประกอบการจะได้รับความสะดวกในการต่อภาษีใบอนุญาตเพียงแค่นำเลขที่ใบอนุญาต แจ้งกับธนาคารสามารถรอรับใบอนุญาตได้ทันที   สามารถชำระผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทยกว่า 1,100 สาขาทั่วประเทศ ประหยัดเวลาการเดินทาง เอกสารต่าง ๆ ไม่ต้องเสี่ยงต่อการตกหล่นศูนย์หาย
             
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวทิ้งท้ายว่า นับเป็นก้าวเริ่มต้นที่สำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมสรรพสามิตและธนาคารกรุงไทยที่ร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งด้วยการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีบล็อกเชน มายกระดับการให้บริการในด้านต่าง ๆ ของกรมสรรพสามิต เพื่อก้าวสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ