'แอสเสทเวิรด์' กางแผนลงทุน5ปี ทุ่มแสนล.ประเดิมมิกซ์ยูสพัทยา

'แอสเสทเวิรด์' กางแผนลงทุน5ปี ทุ่มแสนล.ประเดิมมิกซ์ยูสพัทยา

“แอสเสท เวิรด์” ธุรกิจอสังหาฯ“เจ้าสัวเจริญ” กางแผน5ปี ทุ่มกว่า 1 แสนล้าน พร้อมเปิดบิ๊กโปรเจคมิกซ์ยูส “AWC Center Pattaya” ต่อยอดเอเชียทีคฯ มูลค่า2หมื่นล้าน ตั้งเป้าแลนด์มาร์คไอคอนเทียบชั้นดูไบ ลงนาม“แมริออทฯ” เชนโรงแรมอันดับ1โลก บริหารโรงแรมหรูเพิ่ม

แม้ภาพรวมภาคท่องเที่ยวไทยจะเติบโตไม่หวือหวาในปีนี้ แต่บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ “ทีซีซี กรุ๊ป” ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องตามเป้าหมายตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในไทย ด้วยเชื่อมั่นศักยภาพและชื่อเสียงของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า บริษัทฯได้วางแผนใช้เงินลงทุนรวมกว่า1.03แสนล้านบาท สำหรับลงทุนโครงการอสังหาฯในไทย ครอบคลุมทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ และกลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อการพาณิชย์ ในช่วง5ปี ตั้งแต่2563-2567

เป็นไปตามเป้าหมายการขยายพอร์ตโฟลิโอ จากปัจจุบันมีโรงแรมเปิดให้บริการแล้ว14แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพัก4,421ห้อง มุ่งสร้างการเติบโต2เท่า มีโรงแรมเปิดให้บริการเพิ่มเป็น27แห่ง คิดเป็น8,506ห้องภายในสิ้นปี2568 ขณะที่ธุรกิจพื้นที่ค้าปลีก ปัจจุบันมี11โครงการ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก2โครงการ ได้แก่ เออีซี เทรด เซ็นเตอร์ และคอมมูนิตี้มาร์เก็ต บางกะปิ ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานปัจจุบันมีทั้งสิ้น4แห่ง

ทุ่ม5.5หมื่นล.ผุด-รีโนเวทโรงแรม

ทั้งนี้ บริษัทฯได้แบ่งเป็นเงินลงทุนส่วนแรก5.5หมื่นล้านบาทในช่วงแผน5ปีดังกล่าว (รวมค่าที่ดินมูลค่า2.5หมื่นล้านบาท กับมูลค่าการพัฒนา3หมื่นล้านบาท) ซึ่งคณะกรรมการหรือบอร์ดของบริษัทฯเพิ่งอนุมัติเมื่อวันที่13พ.ย.2562ที่ผ่านมา สำหรับลงทุนพัฒนาและปรับปรุงโรงแรมอีก13โครงการ คิดเป็น4,085ห้องพัก แบ่งเป็นโรงแรมเก่าที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง6แห่ง และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาใหม่7แห่ง

ส่วนหนึ่งอยู่ในโครงการอสังหาฯแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส2โครงการ คือโรงแรมใหม่ในโครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ฝั่งเจริญกรุง ได้แก่ โรงแรม แบงค็อก แมริออท ดิ เอเชียทีค ขนาด800ห้องพัก ใช้เงินลงทุน7,000ล้านบาท คาดเปิดให้บริการได้ราวปี2567 ส่วนอีกแห่งตั้งอยู่บนทำเลเจริญกรุง93เป็นโรงแรมขนาดเล็ก อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์ใดมาบริหาร นอกจากนี้ บริษัทฯเพิ่งขยายพื้นที่ของโครงการเอเชียทีคฯอีก20ไร่ใหม่ ตั้งใจพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ด้านอาหารและเครื่องดื่มมาให้บริการเพิ่ม

ลุยบิ๊กโปรเจคมิกซ์ยูสพัทยา

และอีกหนึ่งไฮไลต์คือโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่และใหม่ “AWC Center Pattaya” วางมูลค่าลงทุนรวมทั้งหมด2หมื่นล้านบาทรวมค่าที่ดินแล้ว บนที่ดินทั้งหมด 16 ไร่ในทำเลพัทยากลาง (ใกล้ฮาร์ดร็อก โฮเทล พัทยา) โดยบอร์ดเพิ่งอนุมัติเงินลงทุนส่วนแรกของโครงการนี้ไปแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท และเตรียมขออนุมัติจากบอร์ดเพิ่มอีก 6,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพัทยา ให้กลายเป็นโครงการระดับไอคอนแห่งใหม่ที่จำลองแนวคิดและรูปแบบมาจากเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ในกรุงเทพฯ

โดยจะนำเงินลงทุนดังกล่าวไปพัฒนารวม 3 ส่วน ทยอยเปิดแต่ละเฟสจนสมบูรณ์ภายใน5ปี ประกอบด้วย 1.แหล่งชอปปิง 2.แหล่งท่องเที่ยว (Attraction)วางธีมเป็นแนวศิลปะ สร้างความบันเทิงและสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยว ผ่านการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวนิทานของไทย โดยเตรียมดึงพันธมิตรระดับโลกมาร่วมพัฒนา และ3.โรงแรมระดับหรูหรา 2 แบรนด์ของเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล บนอาคารเดียว ความสูง60ชั้น ได้แก่ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งเป้าเจาะนักเดินทางยุคใหม่ และโรงแรมพัทยา แมริออท มาร์คีส์ เจาะตลาดนักเดินทางกลุ่มประชุมสัมมนา (ไมซ์) ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูงมาก มีขนาดห้องพักรวมทั้งสองแบรนด์ที่1,298ห้อง ภัตตาคารและร้านอาหาร11แห่ง และพื้นที่สำหรับจัดงานเลี้ยงและงานไมซ์กว่า1หมื่นตารางเมตร

ดันแลนด์มาร์คระดับไอคอน

“เราต้องการให้โครงการAWC Center Pattayaเป็นแลนด์มาร์คระดับไอคอนของพัทยา เทียบชั้นโครงการใหญ่ๆ ในดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังเห็นโอกาสของภาคท่องเที่ยวพัทยาที่กำลังบูม แนวโน้มเติบโตดีมากจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างของรัฐบาล โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือEECที่จะกระตุ้นการเดินทางและธุรกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างมาก”

บริษัทฯจึงได้ลงนามร่วมกับเครือแมริออทฯ วานนี้ (14พ.ย.) ให้เข้ารับบริหารโรงแรมทั้งสองแบรนด์ดังกล่าวในโครงการมิกซ์ยูส AWC Center Pattayaหลังตัดสินใจเลือกเป็นพันธมิตรระยะยาวมาตั้งแต่ปี 2556 เพราะเครือแมริออทฯมีจุดเด่นตรงเป็นเชนรับบริหารโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ1ของโลก ทีมงานมีประสบการณ์สูง สร้างสรรค์แคมเปญการขายและการตลาดได้น่าสนใจ และมีแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายห้องพักที่แข็งแกร่ง

ผนึกแมริออทบริหารโรงแรมเพิ่ม

นอกเหนือจากโรงแรมทั้งสองแบรนด์ในโครงการมิกซ์ยูสใหม่ที่พัทยาแล้ว บริษัทฯยังจ้างเครือแมริออทฯให้บริหารโรงแรมอีก1แห่งใน จ.ภูเก็ต ด้วยการรีแบรนด์ปรับโฉมจากโรงแรมเดอะ เมโทรโพล ภูเก็ต เปลี่ยนเป็นโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ รุกตลาดโรงแรมระดับบน (อัพสเกล) ในใจกลางเมืองภูเก็ต ด้วยขนาด248ห้องพัก ร้านอาหาร2แห่ง และพื้นที่จัดงานไมซ์2,000ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนรวม800ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯถือเป็นหนึ่งในเจ้าของโรงแรมแบรนด์ในเครือแมริออทฯ รายใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศจีน) ด้วยจำนวนห้องพักรวม4,252ห้องทั่วประเทศไทย จากโรงแรมที่เปิดบริการอยู่9แห่ง คิดเป็น3,452ห้อง และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก1แห่ง ขนาด800ห้อง โดยการลงนามสัญญาครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯมีโรงแรมแบรนด์ในเครือแมริออทฯเพิ่มอีก3แห่งในพัทยาและภูเก็ต คิดเป็น1,546ห้อง ส่งผลให้มีจำนวนห้องพักรวมเพิ่มขึ้นเป็น5,820ห้อง และเมื่อรวมกับโรงแรมในเครือของบริษัทฯทั้งหมดจะอยู่ที่6,826ห้อง

“ด้านเงินลงทุนส่วนที่2ที่จะเพิ่มเติมอีก4.8หมื่นล้านบาท ตามแผนลงทุนในช่วง5ปีของบริษัทฯรวมกว่า1.03แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำไปขยายโครงการอื่นๆ รวมถึงโครงการใหม่ในอนาคต” นางวัลลภากล่าว