Sideways Down

Sideways Down

Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Negative และคาดดัชนีฯ Sideways Down แนวรับ 1605 / 1600 จุด แนวต้าน 1622 / 1630 จุด เป็นผลจาก 1)สัญญาเทคนิค กลับมาเป็นทิศทางขาลงหลังจากหลุดแนวรับ 1622 จุด 2) การวิตกต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจยืดเยื้อ หลังจีนลังเลที่จะไม่กำหนดคำสั่งซื้อสินค้าเกษตรที่ USD50bn ขณะที่สหรัฐฯ กดดันให้จีนต้องมีมาตรการป้องกันการโอนถ่ายเทคโนโลยี ฯลฯ 3) ปัญหาความรุนแรงในฮ่องกงอาจลุกลาม เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นเอเชียฯ 4) ประธานเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ย 5) บจ.ไทยส่วนใหญ่ รายงานผลกำไรแย่กว่าคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้: จีน-ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตฯ USA-ประธานเฟด Powel แถลงแนวโน้มเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการ House Budget (ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012)
IMF-Statistical Forum ยุโรป-รายงาน 3Q19E GDP ครั้งที่สองของอียู เยอรมนี ไทย-งาน SET in the City เริ่มต้นวันแรก (ผลตอบแทนเฉลี่ยดัชนีฯ -0.12% WoW ในช่วงจัดงาน)

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงตลอดการซื้อขายและในทิศทางเดียวกับภูมิภาค จากวิตกความรุนแรงในฮ่องกง ก่อนมาปิดตลาดที่ระดับ 1615.14 จุด -11.06 จุด หรือ -0.68% วอลุ่ม 5.24 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ ที่นำลง ได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง -6.16% เกษตรฯ -2.17% มีเดีย-1.94%

ประเด็นสำคัญ

+ ตลาดหุ้นโลกปิดคละ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกจากเปิดลบมาเป็นบวก อิงสุนทรพจน์ประธานเฟดที่ส่งสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง และการพุ่งขึ้นของหุ้น Disney ส่งผล DJ +0.33% S&P500 +0.07% Nasdaq -0.05% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง DAX -0.4% CAC40 -0.21% FTSE -0.19% วิตกความไม่แน่นอน
เกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

+ น้ำมันดิบและทองคำกลับมาปิดบวก: WTI +USD0.32 ปิดUSD57.12/บาร์เรล Brent +USD0.31 ปิด USD62.37/บาร์เรล อิงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน
โลกของประธานเฟดและเลขากลุ่มโอเปก อย่างไรก็ดี EIA หั่นคาดการณ์ Brent ปี 2020 เหลือ USD60/บาร์เรล จาก USD64/บาร์เรล ในปีนี้ และ WTI ปี 2020 อยู่ที่
USD54.5/บาร์เรล ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้น USD9.60 ปิดที่ USD1,463.30/ออนซ์จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

+ USA: ประธานเฟด Powell แถลงต่อคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวยั่งยืนโดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และส่งสัญญาณว่าจะตรึง
อัตราดอกเบี้ย หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวปานกลาง ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับเป้าหมาย 2% (ล่าสุดเดือน ต.ค. อยู่ที่ 1.8%)

- USA: กระบวนการไต่สวน เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์เริ่มต้นวานนี้ โดยสภาฯ ไต่สวนพยาน 3 คนอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการติดต่อกันระหว่างปธน.ทรัมป์กับปธน.ยูเครน

+ USA: ผลสำรวจผจก.กองทุน ของ BofAML ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ย. จำนวน 230 รายNAV รวม USD564bn พบว่า Cash Level ลดลงจาก 5% เหลือ 4.2% ต่ำสุดตั้งแต่
เดือน มิ.ย. 2013 เพราะคาดตัวเลขภาคการผลิตและผลกำไรทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขณะที่สภาพคล่องส่วนเกินเพิ่มขึ้น (นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน) ส่งผลให้มีแรงซื้อเพิ่มใน Equities & Cyclicals บนคาดหวังว่าตลาดหุ้นจะมีการแรลลี่ต่อรอบใหม่

- ยุโรป: ผลสำรวจของ UBS Global Wealth Management ระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค.ต่อนักลงทุนที่มั่งคั่งกว่า 3,400 รายทั่วโลก มูลค่าสินทรัพย์ขั้นต่ำ USD1bn พบว่า
แนวโน้มการลงทุนปี 2020 ด้วยความระมัดระวังมาก ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์

+ ไทย: บจ.ที่รายงานกำไร 3Q19 เติบโต YoY ได้แก่ PSTC JMART AGE GRAMMY BSM TPIPL JMT CPF EPG SUPER

กลยุทธ์: Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

       หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: VGI JWD CHG

       หุ้นโมเมนตัมบวก: ACE BDMS GLOBAL TSE CPNREIT

       หุ้นโมเมนตัมลบ: STEC EA BGRIM MINT BJC TASCO BEAUTY CENTEL BGC JKN AUCT WORK

       Derivatives: แนะหาจังหวะปิด Short ที่เปิดไว้ช่วงบ่ายวานนี้ เป้าทำกำไรที่บริเวณ 1080-1082 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)