ตำรวจกองปราบติดตามแกะรอยจับกุมขบวนการหลอกซื้อดาวน์และเช่ารถ แล้วนำรถไปจำนำต่อ ทำให้มีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท โดยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย พร้อมขยายผลตรวจยึดรถจากนายทุนที่รับจำนำ
วันนี้ 14 พฤศจิกายน ที่ กองบังคับการปราบปราม แถลงการจับกุมขบวนการหลอกซื้อดาวน์และเช่ารถ แล้วเชิดหนี ทำให้มีผู้เสียหาย จำนวน 16 ราย ความเสียหาย ราว 16 ล้านบาท โดยจับ ผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายสิทธิพงษ์ บุญประกอบ อายุ 38 ปี และ นางสาวสุทาวัน มหานาม อายุ 43 นายวัชรพล สังข์ทอง ปี ทั้งหมดเป็นชาวจังหวัดชลบุรี ซึ่งนายสิทธิพงษ์ และ นางสาวสุทาวัน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ส่วนนายวัชรพล จับได้ที่บ้านพัก ในตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พร้อมยึดของกลาง รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส 1 คัน และ รถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟ 1 คัน
ก่อนหน้านี้ทางตำรวจกองปราบได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายให้ช่วยติดตามจับกุม นาย วัชรพล สังข์ทอง อายุ 36 ปี มีพฤติกรรมตระเวนมาขอเช่าและขอซื้อดาวน์รถยนต์ โดยอ้างว่าจะดำเนินการเปลี่ยนสัญญาและจะผ่อนชำระค่างวดต่อ แต่สุดท้ายเมื่อได้รถไปหลับไม่ผ่อนชำระตามที่ตกลง ก่อนจะเชิดรถหนีหายไป จนทำให้เจ้าของรถเดือนร้อน
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้พบรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ ที่ลักษณะตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ จึงได้เข้าตรวจคนและจับกุมตัว นายสิทธิพงษ์ และ นางสาวสุทาวัน ไว้ได้ ก่อนจะแจ้งข้อหา “ร่วมกันยักยอกทรัพย์ หรือรับของโจร”
ทั้งนี้ทางตำรวจได้สืบสวนขยายผลไปจับกุม นายวัชรพล ได้ที่บ้านในจังหวัดชลบุรี และได้ทำการบุกเข้าตรวจค้นเป้าหมายซึ่งเป็นนายทุนรับจำนำรถของผู้เสียที่ถูกเชิดมา จำนวน 3 จุด ใน พื้นที่อำเภอบ้านบึง และอำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งสามารถตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัยได้ จำนวน 5 คัน เนื่องจากไม่มีเอกสารประกอบตัวรถ เพื่อเอามาดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ด้าน นายสรวิชญ์ เที่ยงปรีชา หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนเองได้ประกาศขายดาวรถในเฟสบุคในราคา 30,000 บาท ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาได้ติดต่อขอซื้อและตกลงจะเปลี่ยนสัญญาเข่าซื้อเป็นชื่อผู้ต้องหาแต่ไฟแนนซ์แจ้งว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังไม่ถึงปีจึงยังเปลี่ยนสัญญาไม่ได้ผู้ต้องหาจึงขอเช่ารถไปก่อนเพื่อรอการเปลี่ยนสัญญาซึ่งอ้างว่าเปิดบริษัทให้ชาวต่างชาติเข่ารถและขอเช่าในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ต่อมาก็ไม่ได้จ่ายเงินค่าเข่าตามที่ตกลงกันผู้เสียหายจึงติดตามขอรถคืนแต่ผู้ต้องหาก็อ้างว่ารถอยู่กับลูกค้าที่เช่าอยู่ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทราบว่ารถของผู้เสียหายได้ถูกนำไปจำนำและตำรวจกองปราบปรามจึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาและติดตามรถกลับมาคืนให้กับตนเอง
อย่างไรก็ตามทางกองปราบขอแจ้งเตือนประชาชนว่า ทำสัญญาโอนลอยกรรมสิทธิ์ หรือทำสัญญาซื้อขายรถยนต์กันเอง ไม่สามารถกระทำได้ เพราะตามกฏหมายผู้เช่าซื้อมีสิทธิในการครอบครองเเละใช้งานเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของรถที่แท้จริง จนกว่าจะชำระเงินครบตามสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่มีสิทธิในการโอน หรือขายรถให้ผู้อื่น ถ้าหากขายดาวน์ หรือโอนรถให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท ไฟแนนซ์ อาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เสียเองด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แต่ละกรณีดังนั้นหากท่านมีความต้องการที่จะขายดาวน์รถมือสอง ควรพาผู้ที่ซื้อไปทำการเปลี่ยนคู่สัญญากับไฟแนนซ์ให้ถูกต้องเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน