ปัจจัยภายนอกไม่เปลี่ยน ขณะที่ผลประกอบการยังเป็นตัวถ่วงดัชนีในระยะสั้น

ปัจจัยภายนอกไม่เปลี่ยน ขณะที่ผลประกอบการยังเป็นตัวถ่วงดัชนีในระยะสั้น

เฟดยังไม่มีแผนปรับอัตราดอกเบี้ย

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรส ระบุว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวและดำเนินไปตามแนวทางปัจจุบัน ซึ่งเรามองตลาดจะประเมินสัญญาณดังกล่าวเป็นบวกจากเสถียรภาพของเศรษฐกิจ

การเจรจาการค้ายังไม่ได้ข้อสรุป เป็นผลมาจากสหรัฐฯ กับจีนที่เห็นไม่ตรงกันในเรื่องของปริมาณการซื้อสินค้าเกษตร รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการคุ้มครองสินทรัพย์ทางปัญญา ทำให้ตลาดหุ้นในแต่ละประเทศมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามปัจจัยและผลประกอบการภายใน ซึ่งกำไรของ SET Index ยังปรับตัวลดลง ขณะที่กลุ่มหุ้นไฟฟ้าแม้กำไรส่วนใหญ่เติบโต แต่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย เป็นปัจจัยถ่วงซ้ำเติมต่อการเคลื่อนไหวของหุ้นไทย

STEC ไม่น่าโดน black list แต่ก็ไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น ราคาหุ้นปรับลดลงแรงราว 20% จากประเด็นปปช.ชี้มูลผู้บริหารระดับสูง 2 ท่านมีส่วนช่วยเหลือเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบนจากนลท.ต่างชาติในโครงการโรงไฟฟ้าขนอม เราประเมินราคาหุ้นปรับลดลงเนื่องจาก 1) ตลาดกังวลต่อผลกระทบต่อการรับงานภาครัฐในอนาคตในกรณีผู้บริหารมีความผิด 2) การปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันที่อิงเกณฑ์เกี่ยวกับความยั่งยืน (ESG) ที่มักจะมีการลด หรือชะลอการลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องธรรมาภิบาล ทั้งนี้การที่บริษัทจะโดนขึ้นบัญชีดำ (black list) ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากความผิดถึงขั้นดังกล่าวมักจะมาจากการทิ้งงาน หรือชนะประมูลแต่ไม่ลงนามในสัญญา และผลกระทบเป็นในเชิงจิตวิทยามากกว่าต่อประมาณการ อย่างไรก็ตามหุ้นขาดปัจจัยสนับสนุนจากงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า และนักลงทุนอาจรอพิจารณาการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/62 ก่อนตัดสินใจ

เราเน้น selective buy ในหุ้นที่โมเมนตัมกำไรช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก พื้นฐานแกร่ง ราคาไม่แพง เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/62 เราเน้น selective buy 1) สาธารณูปโภคที่ยังไม่แพง WHAUP, SSP, NNCL 2) กลุ่มได้ประโยชน์จากน้ำมันทรงตัว อาทิ EPG, BJC, BGC, DCC โรงกลั่น SPRC, TOP, BCP, ESSO 3) กลุ่มโรงแรม AOT, MINT, ERW จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัว // รวมถึงหุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ADVANC, INTUCH, VRANDA*, TEAMG, MTC, SAWAD, VNT*, CPN // กลุ่มการแพทย์ ร.พ.ขนาดเล็กเด่น RPH*, RJH*, CHG

ภาพรวมกลยุทธ์ ลุ้นสัปดาห์นี้ยืนแนวรับ 1615-1620 จุด เพื่อคงภาพบวกของการเก็งกำไรรายตัว เราคงมุมมองการลงทุนโดยรวมเป็นบวกในช่วง 3-6 เดือน ข้างหน้า// หุ้นแนะนำวันนี้ VNT, WHAUP* /เก็งกำไร  TIP* (เป้า 25, ตัดขาดทุน 23), EASTW* (เป้า 13.00, ตัดขาดทุน 11.80)

แนวรับ 1610 จุด / แนวต้าน : 1625 สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% mom ปรับขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

เลขาโอเปกมองเศรษฐกิจโลกยังแข็งแกร่ง ซัพพลายสหรัฐฯ ขยายตัวน้อยกว่าคาดในปีหน้า ขยายตัวเพียง 3-4 แสนบาร์เรล/วัน ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้า

ยอดเปิดโรงงานใหม่สูงกว่าเจ๊ง 107% – กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยข้อมูลการเปิดโรงงานใหม่ในช่วง 1 ม.ค.-12 พ.ย. สูงกว่าโรงงานที่ถูกปิดถึง 107% ขณะที่การจ้างงานใหม่มีกว่า 8.4 หมื่นล้านคน เทียบกับตังเลขการเลิกจางที่ 3.5 หมื่นคน

ค่าระวางเรือ ดัชนี BDI ปิดที่ 1365.00 จุด เพิ่มขึ้น 11 จุด, +0.81%

ประเด็นติดตาม: 14 พ.ย. – EU GDP 3Q, 18 พ.ย.สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 3/62, 22 พ.ย. – EU manufacturing PMI เดือน พ.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)