หวั่นเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบกดดันหุ้นวอลล์สตรีทไร้ทิศทาง

หวั่นเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบกดดันหุ้นวอลล์สตรีทไร้ทิศทาง

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันพุธ(13พ.ย.) ไร้ทิศทาง หลังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัญและจีนเกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีกรอบ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 92.10 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 27,783.59 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 3,094.04 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 3.99 จุด หรือ 0.05 % ปิดที่ 8,482.10 จุด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลงในช่วงบ่ายของการซื้อขาย หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบกับอุปสรรครอบใหม่เกี่ยวกับการซื้อสินค้าด้านการเกษตร สร้างความกังวลว่าการทำสงครามการค้าของ2ประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจจะยืดเยื้อออกไป

อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำร่างแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ออกเผยแพร่ก่อนกำหนด โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงดำเนินไปตามแนวทางปัจจุบัน

แถลงการณ์ ยังระบุว่า การที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปีนี้ ช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

“เรามองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะสมต่อไป ตราบใดที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามายังคงสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวปานกลาง, ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายของเราที่ระดับ 2%” นายพาวเวล กล่าวในร่างแถลงการณ์ที่เตรียมไว้

นอกจากนี้ นายพาวเวล ยังจะกล่าวว่า การที่เฟดได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดการเงินในเดือนก.ย. เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในตลาด หลังจากที่เกิดความผันผวนต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน ท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงตัวนั้น ถือเป็นการดำเนินการทางด้านเทคนิค ไม่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินของเฟดแต่อย่างใด แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวทำให้เฟดมีงบดุลเพิ่มขึ้น 2.70 แสนล้านดอลลาร์

อ่านข่าว-'พาวเวล' ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยหากศก.สหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง