โบรกแนะเลี่ยงหุ้น ‘ซิโน-ไทย’ ราคาส่อร่วงต่อ - ‘กองทุนซีจี’ ลั่นไม่ซื้อเพิ่ม

โบรกแนะเลี่ยงหุ้น ‘ซิโน-ไทย’ ราคาส่อร่วงต่อ - ‘กองทุนซีจี’ ลั่นไม่ซื้อเพิ่ม

นักลงทุนแห่ขายหุ้น “ซิโน-ไทย” เหตุวิตก “กองทุนซีจี” อาจโละหุ้น หลังพบ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตัวบริษัทและ 2 ผู้บริหาร กรณีสนับสนุนเรียกสินบน 20 ล้าน สร้างโรงไฟฟ้าขนอม ด้าน “นักวิเคราะห์” แนะเลี่ยงลงทุน เหตุราคาหุ้นเสี่ยงร่วงต่อ แนวโน้มธุรกิจชะลอ

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ปรับตัวลดลงแรงในช่วงบ่าย จากข่าวที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด STEC และผู้บริหาร 2 รายเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสี่ราย

กระทําความผิดเรียกรับเงินจํานวน 20 ล้านบาท จากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่รับว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งผลราคาหุ้นปรับตัวลดลง ต่ำสุด 13.80 บาท หรือลดลง 22.90 % ก่อนจะกลับมาปิดที่ 14.40 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 19.55 % มูลค่าซื้อขาย 3,590.07 ล้านบาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่หุ้น STEC ร่วงแรง เพราะมีความกังวลว่านักลงทุนสถาบันที่เน้นลงทุนตามหลักธรรมาภิบาล(ซีจี) จะขายหุ้นออกมา หลังจากที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกับผู้บริหารทั้ง 2 ราย

กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ บริษัทแนะนำให้เลี่ยงการลงทุนไว้ก่อน แม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ที่ 16.10 บาท เพราะมีความเสี่ยงว่าราคาหุ้นจะปรับลดลงอีก และหากพิจารณาในแง่พื้นฐาน ทางบริษัทยังคงแนะนำให้ขายหุ้น เพราะประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิมีโอกาสปรับลดลงตามธุรกิจที่แข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากมีผู้รับเหมารายใหญ่จากจีนเข้ามาแข่งขันราคา ส่งผลต่อโครงการใหม่ที่ได้มามีมาร์จิ้นต่ำลง กระทบต่อกำไรสุทธิในอนาคต

อ่านข่าว-ป.ป.ช.ฟัน 'ซิโนไทย' ฐานสนับสนุนทุจริต 'โรงไฟฟ้าขนอม'

157372721059

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ข่าวเรื่องการชี้มูลความผิดแม้จะไม่กระทบกับพื้นฐานบริษัท เพราะปัจจุบันมีโครงการในมือจำนวนมาก แต่ทางเรายังแนะนำให้เลี่ยงการลงทุน เพราะธุรกิจยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายภาครัฐปี 2563 ยังไม่ผ่านสภาฯ ทำให้ยังไม่มีโครงการประมูลขนาดใหญ่ออกมา

“ความกังวลเรื่องนักลงทุนสถาบันที่เน้น ซีจี จะขายหุ้นออกมานั้น คงต้องขึ้นกับแต่ละกองทุนว่ามีนโยบายอย่างไร แต่ที่แน่นอน คือ กองทุนเหล่านี้คงไม่ซื้อหุ้นเพิ่มในช่วงเวลานี้”

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า กรณีนี้ พอทราบเรื่องในอุตสาหกรรมกองทุนก็เริ่มหารือกันเลย โดยสรุปว่าในเบื้องต้นจะตัองศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ครบถ้วนก่อน ก่อนจะหารือกันอีกครั้งในแนวทางที่จะทำให้กองทุนมั่นใจได้ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นกิจการที่มี ซีจี ที่ดี โดยให้ความร่วมมือในการแก้ไขสิ่งที่เคยบกพร่อง เพื่อเป็นหลักทรัพย์ที่ยังน่าลงทุน

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ STEC คงต้องพิจารณาก่อนว่า หลังชี้มูลความผิดแล้ว ศาลจะตัดสินอย่างไร เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลหรือบริษัท และจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรกันต่อ

ทั้งนี้ เมื่อศาลยังไม่ได้ตัดสินว่า มีความผิด ทางกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ร่วมกันลงนามฯ จะดำเนินการเพียงแค่เข้าประสานงานกับบริษัทในเบื้องต้น เพื่อดูข้อประเด็นดังกล่าว แนวทางแก้ปัญหา หรือ หาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน ซึ่งคงจะไม่ลงทุนเพิ่มเท่านั้น แต่จะขายหุ้นออกหรือไม่นั้นขึ้นกับนโยบายของแต่ละกองทุน