โลว์คอสท์ร้องคลังลดภาษีน้ำมันเครื่องบิน

โลว์คอสท์ร้องคลังลดภาษีน้ำมันเครื่องบิน

ผู้ประกอบการสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์ขู่ปิดสายการบินร้องคลังช่วยบรรเทาผลกระทบผลประกอบการที่แย่ลง ยื่นข้อเสนอ 2 แนวทางทั้งลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน  และปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นขั้นบันได ด้านคลังเล็งตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาข้อเสนอ เร่งสรุปภายในเดือนนี้

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า วานนี้(13พ.ย.)ตัวแทนผู้กลุ่มประกอบการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสท์ แอร์ไลน์) จำนวน 5 สายการบิน ประกอบด้วย ไทยแอร์เอเชีย, ไทยอ้อนแอร์, นกแอร์, เวียตเจ็ต, และบางกอกแอร์เวย์เข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้กระทรวงการคลังช่วยหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการทั้ง 5 รายที่ขณะนี้ประสบปัญหาด้านผลการดำเนินงาน

เขากล่าวว่า สาเหตุการยื่นหนังสือครั้งนี้ คือ เนื่องจากผู้ประกอบการ ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ใช้บริการลดลงจาก 80-100% ต่อเที่ยวบิน เหลือเพียง 70-89% ต่อเที่ยวบิน และการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลดีจากการซื้อน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการดำเนินธุรกิจการบินในราคาถูกลง  แต่ยังมีปัจจัยและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่สร้างปัญหาต่อการดำเนินงานของโลว์คอสท์ แอร์ไลน์ จำเป็นจะต้องได้รับการช่วยจากภาครัฐ ก่อนที่บางสายการบินจะต้องลดขนาดธุรกิจจนถึงหยุดดำเนินกิจการ เพราะไม่อาจแบกรับภาระต้นทุนดำเนินการได้

157364496561

ทั้งนี้  แนวทางบรรเทาความเดือดร้อนที่ผู้ประกอบการเสนอมี 2 แนวทาง คือ 1.ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 4.726 บาท/ลิตร ส่วนจะลดลงมาอยู่ที่อัตราใด ขึ้นกับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยกำหนดระยะเวลาผ่อนปรน จนกว่าผู้ประกอบจะเข้มแข็ง

2.กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบขั้นบันไดตามระยะเวลา และค่าเงินบาทจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้น เช่น ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30-32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ควรจัดเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตราเท่าใด และหากเงินบาทอยู่ที่ 33-34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือระดับอื่นๆ รัฐควรจัดเก็บภาษีที่อัตราเท่าใด

“เราเป็นห่วงผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่มโลว์คอสท์ แอร์ไลน์ และข้อเรียกร้องที่มี ซึ่งคงจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมฯ ที่มีตัวแทนของคลังและผู้ประกอบการโลว์คอสท์ แอร์ไลน์ พิจารณาความเหมาะสมของมาตรการที่จะมาบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยต้องไม่กระทบผู้ประกอบการขนส่งอื่นๆ และไม่ทำให้ภาครัฐเกิดความเสียหายตามมา เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะนำไปสรุปเพื่อนำเสนอต่อรมว.คลังและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบ เราจะทำเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ส่วนตัวอยากเห็นการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จในเดือนนี้”