ครอบครัวญาติสองฝ่ายรับศพ อยากให้เป็นคดีสุดท้ายในศาล

ครอบครัวญาติสองฝ่ายรับศพ อยากให้เป็นคดีสุดท้ายในศาล

ครอบครัวญาติสองฝ่ายรับศพ อดีตเมียมือยิงเชื่อเครียดสะสม-ไม่ได้รับความเป็นธรรม แจงอยากให้รื้อคดีใหม่ทั้งหมด พร้อมขอโทษฝ่ายทนายที่เสียชีวิต ขณะที่พ่อทนายความ เผยอยากให้เป็นคดีสุดท้ายที่เกิดในศาล ไม่คิดจองเวรจองกรรม


เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เวลา 10.00 น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรี ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง พล.ต.ต.ธานินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ ผู้ก่อเหตุ และพ่อแม่ญาติของคู่กรณีที่ถูกยิง คือ นายบัญชา ปรมีคณาภรณ์ และ นายวิจัย สุขรมย์ ทนายความ เดินทางมารอรับศพทั้ง 3 ราย โดย นางเขมจิรา บัณฑูรนิพิท ทายาท 1 ใน 6 คน ของ นายสมพล โกศลานันท์ เจ้าของที่ดินที่เสียชีวิตไปแล้ว และเป็นอดีตภรรยาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อายุ 67 ปี อดีตรองจเรตำรวจผู้ก่อเหตุยิงฝ่ายโจทก์ พร้อมลูกสาว และทนายความหญิง ได้เดินทางมารับศพอดีตสามี

โดยนางเขมจิรา เปิดใจว่า สาเหตุที่อดีตสามีลงมือก่อเหตุ เพราะถูกกดดันเกิดจากความเครียดสะสม ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างสูง และยังถูกทางฝ่ายโจทก์ ไปร้องเรียนจะถอดยศว่าเอาเวลาราชการมาทำคดี และที่ผ่านมาเวลาขึ้นศาลมีการโต้เถียงกันบ่อยครั้ง เคยส่งนิ้วกลางในห้องศาล ฝ่ายโจทก์ยังมีการท้าตบกับทนายหญิงฝ่ายจำเลยหน้าศาล ทะเลาะกันหลายครั้ง ส่วนตัวได้เลิกรากับ พล.ต.ต.ธารินทร์มา 4 ปีแล้ว จึงรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสีย และไม่อยากให้อดีตสามีตายฟรี

นางเขมมิกา ระบุว่า ปมปัญหาคือการแถลงเท็จปกปิดทายาท โกศลานันท์ ว่ามี 3 คน แต่ในความเป็นจริงมี 6 คน โดยทางฝ่ายโจทก์ อ้างว่า ซื้อที่ดินจ่ายครบ 14 ล้าน ตั้งแต่ปี 2550 แล้วไม่โอน จึงมาทวงทายาท และเกิดการฟ้องร้องกัน แต่โจทก์ไม่มีสัญญาซื้อขาย ไม่มี นส.3 คือกระดุมเม็ดแรกที่ปกปิดปัญหาฟ้องเท็จ นายสมพล ขายที่ดินให้กับนายบุญช่วย แล้ว จากการบอกเล่า โดยมารดา ที่ดินดังกล่าว ขายให้พระที่วัด เป็นการทำบุญเรี่ยไรเงินทำบุญมาซื้อ จำนวน 4 พันไร่ ไร่ละ 3,000 บาท จำนวน 12 ล้าน ในปี 2515 โดยผ่อนชำระ แต่ชำระกันไม่หมด ค้างชำระ 2.5 ล้าน จึงตั้งคำถามว่าหากซื้อขาย และโอนแล้ว ทำไม่มีเอกสารการโอน เป็นไปได้หรือไม่ ซื้อที่ดินแต่ไม่โอน การต่อสู้คดีเป็นเรียกร้องความเป็นความเป็นธรรม และต้องการทำตามศรัทธา ของญาติโยมที่ทวงคืนที่ดินให้กลับสู่สมบัติของพระพุทธศาสนา

นางเขมมิกา บอกว่า หลังจากนี้จะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ส่วนตัวอยากให้รื้อคดีทำคดีใหม่ทั้งหมด เพราะต้นตอปัญหามาจากการฟ้องเท็จ (นส.3) เอกสารที่ดิน 4 พันไร่หาย แต่ไม่เคยแจ้งความ ซ้ำยังปกปิดทายาท โดยเจตนาของอดีตสามีที่ต้องมาเสียชีวิต เพราะเป็นคนรักความยุติธรรม เห็นว่าเป็นที่ดินของพุทธศาสนา จึงต้องการเข้ามาช่วย และขอให้พิสูจน์ความจริง

นางเขมิกา ยังขอโทษฝ่ายทนายที่เสียชีวิต ส่วนตัวไม่อยากเกิดความรุนแรงแบบนี้ แต่ที่ผ่านมาการขึ้นศาลก็โต้เถียงกันบ่อย พร้อมเรียกร้องให้มูลนิธิ ร่วมกันพิสูจน์ความจริงเพื่อนำที่ดินคืน พระพุทธศาสนา และอยากให้คดีนี้เป็คดีตัวอย่าง เมื่อมีหลักฐานราชการปรากฏก็ควรจะให้ความเป็นธรรม หลักฐานที่ได้คือ หลักฐานการเสียภาษี หลักฐานการบริจาค ที่ระบุชัดเจนว่าเป็นชื่อของมูลนิธิ ไม่ใช่ของฝ่ายโจทก์ รวมถึงอยากให้ติดตามที่ดินชลบุรี 600 ไร่ ที่ดินสงขลา 300 ไร่ นอกเหนือจากที่ดิน 1,400 ไร่ ว่าหายไปไหนหมด ทั้งนี้ หาก พล.ต.ต.ธารินทร์ รับรู้ ตนอยากจะขอโทษที่ทำให้เขาต้องมาวุ่นวายกับคดีดังกล่าว แทนที่จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายเกษียณกับครอบครัวอย่างมีความสุข

ด้าน นายสาคร สุขรมย์ พ่อของนายวิจัย สุขรมย์ ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ลูกชายซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องมาจบชีวิตลงเพราะอาชีพที่ตัวเองรัก และตั้งใจทำงานมาตลอด 25 ปี อยากให้คดีนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่เกิดขึ้นในศาล ที่มีการพกอาวุธเข้ามาห้ำหั่นกัน พร้อมให้มีการทบทวนเรื่องการรักษาความปลอดภัยในศาล ส่วนยังไม่ได้คุยกับครอบครัวคนยิง หากจะมาขอโทษก็ยินดีรับ แต่ขอโทษแล้วได้อะไร ไม่ทำให้ลูกชายฟื้นกลับมาได้ และไม่ขอจองเวรจองกรรมต่อกันอีก หลังจากนี้จะนำศพไปทำพิธี ที่วัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม จ.อุดรธานี