7UPเฮ คว้างานติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานให้กับ AWC

7UPเฮ คว้างานติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานให้กับ AWC

7UPคว้างานติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานHydro Turbine ให้กับ AWC ประเดิมอาคารอาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำเป็นอาคารแรก พร้อมตั้งเป้าหมายในปี 62 จะสามารถติดตั้งอุปกรณ์ให้ลูกค้ารวม 10-15 MW และปี 63 เพิ่มเป็น 50 MW

นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ7UP เปิดเผยว่าตามที่บริษัท 7UP ได้เข้าลงทุนในบริษัทอุปกรณ์ประหยัดพลังงานไฟฟ้ากล่าวคือ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ รีโวลูชั่น จำกัด ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ อุปกรณ์ประหยัดพลังงานในหอหล่อเย็น (Hydro Turbine) โดยมีโมเดลการทำงานใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานดังกล่าวเพื่อทดแทนกำลังมอเตอร์ของพัดลมในหอหล่อเย็น  ล่าสุดได้ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวให้กับอาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC โดยมีนายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส รองประธานกรรมการบริหาร ของ AWC เป็นตัวแทนรับมอบ โดยมีนายทศพล เพ็งส้ม ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมเป็นสักขีพยาน

ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่าจะมีโอกาสเข้าติดตั้งในอาคารอื่นๆของกลุ่ม AWC อีก เนื่องจากพบว่าภายหลังลูกค้าติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานไฟฟ้าHydro Turbine แล้ว สามารถช่วยลูกค้าประหยัดการใช้ไฟและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้จริง  อาทิ โรงงานปิโตรเคมิคอลขนาดใหญ่ ในจังหวัดระยอง สามารถประหยัดพลังงานได้ครึ่ง เมกกะวัตต์  ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นจำนวนเงินประมาณ 12.5 ล้านบาท ต่อปี  โรงงานผลิตไฟฟ้าภายในของโรงงานอุตสาหกรรมกระดาษขนาดใหญ่ ในจังหวัด ขอนแก่น สามารถประหยัดพลังงานได้ 90 กิโลวัตต์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นจำนวนเงิน ประมาณ 3 ล้านบาทต่อปี 

“ขณะนี้มีผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรมแสดงความสนใจ ทั้งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ยังไม่นับรวมอาคารสำนักงานต่างๆในพื้นที่ กรุงเทพ และ ปริมณฑล อีกด้วย เนื่องจากสามารถช่วยผู้ประกอบการประหยัดการใช้ไฟฟ้าและประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน จากข้อมูลพบว่าทุก 1 MW จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 27.5 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถติดตั้งอุปกรณ์ Hydro Turbine ให้ลูกค้าประมาณ 10-15 เมกะวัตต์ ในปี 2563 ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ คาดว่าจะกระจายในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 60% กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง 30%  รวมถึง กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก และ กลุ่มอาคารสำนักงาน 10%”

พร้อมกันนี้ บริษัทฯเตรียมจะนำธุรกิจดังกล่าวขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างดำเนินการจดสิทธิบัตรอุปกรณ์ประหยัดพลังงานดังกล่าวในกลุ่มประเทศอาเซียน และ ประเทศใกล้เคียงรวม 11 ประเทศ ซึ่งพบว่ามีการใช้ไฟฟ้ารวมกันประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ต่อปี บริษัทฯคาดหวังว่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ราว 5% หรือ 500 เมกะวัตต์ ภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีผลผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

ส่วนสำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2562 ของบริษัทฯพลิกมีกำไรสุทธิ 78.23 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 22.35 ล้านบาท และมีรายได้รวมในงวดนี้ 768.80 ล้านบาท เติบโต 41.94% ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิ 108.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 394.88% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 37.37 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 849.89 ล้านบาท เติบโต 39.33%