สอนนศพ.ใช้อัลตร้าซาวด์พกพา วินิจฉัย-ฉุกเฉิน แม่นยำ

สอนนศพ.ใช้อัลตร้าซาวด์พกพา วินิจฉัย-ฉุกเฉิน แม่นยำ

ครั้งแรกในโรงเรียนแพทย์ คณะแพทยฯ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล นำเครื่องอัลตร้าซาวด์ชนิดพกพา แบบไร้สาย (Wireless) และเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดมือบีบไร้สาย มาใช้ในการเรียนการสอนโดยได้รับการสนับสนุนจาก "กัลฟ์" จำนวน 12 ล้านบาท

ถือเป็นครั้งแรกในโรงเรียนแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นำเครื่องตรวจภายในด้วยคลื่นความถี่สูง หรือ เครื่องอัลตร้าซาวด์ชนิดพกพา แบบไร้สาย (Wireless) และเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดมือบีบไร้สาย มาใช้ในการเรียนการสอนทางการแพทย์แก่นักศึกษาแพทย์ โดยเครื่องดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอป เมนท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 12 ล้านบาท

157357001144

ทั้งนี้เครื่องตรวจภายในด้วยคลื่นความถี่สูง หรือ เครื่องอัลตร้าซาวด์ชนิดพกพา แบบไร้สาย (Wireless) สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ wifi กับ application ในโทรศัพท์มือถือ และ Tablet ทั้งระบบ IOS และ Android สามารถตรวจได้ทั้งช่องท้อง หัวใจ หลอดเลือด และมีระบบบันทึกข้อมูลคนไข้ลงในโทรศัพท์ หรือ Tablet ขณะที่เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดมือบีบไร้สาย ซึ่งมาคู่กัน สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ wifi กับ application ในโทรศัพท์มือถือ Tablet ทั้งระบบ IOS และ Android ได้เช่นเดียวกัน เพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

สารัชถ์  รัตนาวะดี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอป เมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในต่างประเทศ มีการนำระบบ AI มาใช้กับเครื่องเอ็กซเรย์ หรือ MRI คอมพิวเตอร์จะบอกได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ระบบ AI จะบอกได้ถึงความผิดปกติอื่นๆ และเครื่องอัลตร้าซาวด์แบบพกพานี้ ก็ถือเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนและทางการแพทย์

157357000643

“ที่ผ่านมาได้มีการบริจาคเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งด้วยกัน สำหรับเครื่องอัลตร้าซาวด์แบบพกพา ถือเป็นการผสมผสานระหว่างด้านการศึกษาและเครื่องมือแพทย์ ทำให้นักศึกษาแพทย์รุ่นใหม่ได้ฝึก และมีความชำนาญตั้งแต่ตอนเรียน ความชำนาญนี้จะช่วยพัฒนารุ่นต่อๆ ไป และช่วยรักษาคนไข้ฉุกเฉินให้มีชีวิตรอดมากขึ้นได้”

ทั้งนี้ บริษัทได้บริจาคและสนับสนุนด้านการแพทย์แก่มูลนิธิรามาธิบดี และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน รวมยอดเงินบริจาคทั้งหมด กว่า 23.8 ล้านบาท

157357000992

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในยุค Disruptive ของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด การใช้พื้นฐานการตรวจร่างกาย คือ การดู คลำ เคาะ ฟัง อาจจะไม่เพียงพอ เทคโนโลยีอัลตร้าซาวด์ จะช่วยให้การตรวจร่างกายมีความแม่นยำมากขึ้นและผิดพลาดน้อย เครื่องมือเหล่านี้ จะมีประโยชน์มากในกรณีการเกิดภาวะฉุกเฉิน รวมถึงด้านรังสีวิทยา

157357000646     

เดิมมีการสอนใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ในชั้นปีที่ 4 – 6 แต่เป็นเครื่องที่ใหญ่และมีราคาแพง การเรียนการสอนค่อนข้างลำบากเนื่องจากต้องเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้เครื่องอัลตร้าซาวด์ขนาดเล็ก ไร้สาย และพกพาได้ สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนในระดับบุคคลมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีเหล่านี้เริ่มมีราคาถูกลง เพียงพอต่อการเป็นอุปกรณ์พกติดตัวได้ ซึ่งปัจจุบันคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลิตแพทยศาสตร์บัณฑิตกว่า 5,000 คน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 4,000 คน พยาบาลราว 8,000 คน

157357012682

รศ.นพ.สิทธิ์ พงษ์กิจการุณ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า เครื่องอัลตร้าซาวด์พกพา จะนำมาใช้ในชั้นปีที่ 2 และ 6 เนื่องจากนักศึกษาชั้นปีที่ 2 เป็นกลุ่มที่ต้องเริ่มเรียนการใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ เน้นเรียนในเรื่องของกายวิภาค สรีรวิทยา และพยาธิสภาพ ผ่าอาจารย์ใหญ่ การเรียนพื้นฐานมาผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เห็นภาพจากทั้งที่เป็นอาจารย์ใหญ่และของจริง และอีกกลุ่ม คือ นักศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเรียนในห้องฉุกเฉิน จะได้เอาไปใช้กับคนไข้จริงนอกจากตรวจร่างกายอย่างอื่น ได้เรียนรู้ มีทักษะมากขึ้น

157357000970

อย่างไรก็ตามจากจำนวน 200 เครื่อง แบ่งให้ปี 2 ใช้ด้วยกัน 2 คนต่อเครื่อง เพื่อฝึกเรื่องทีมเวิร์ค ขณะที่ปี 6 ได้คนละ 1 เครื่อง ซึ่งขณะนี้ถือว่าเพียงพอ แต่ปีหน้าอาจจะมีการจัดซื้อเพิ่มเติมเข้ามา และอาจจะใช้ในชั้นปีอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้านการแพทย์ เครื่องนี้จะยกระดับการศึกษา สามารถใช้ในการเรียนเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ใช้ในหน้างานจริง

157357000884

"การที่มีหลักสูตรร่วมวิศวะ และ แพทย์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นักศึกษาจะมีความคิดสร้างสรรค์ ได้เรียนรู้จากการใช้เทคโนโลยีใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ เข้าใจ และเชื่อมโยงจากชั้นปรีคลินิก ไปสู่ชั้นคลินิก ทำให้พวกเขามีความต้องการหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไปในอนาคต"  รศ.นพ.สิทธิ์ กล่าว

ดร.นพ.ไชยพร ยุกเซ็น หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คนไข้ที่เข้ามาห้องฉุกเฉินซึ่งเรียกว่าอยู่ภาวะเร่งด่วน มีอันตรายต่อชีวิต ความเร่งด่วนในการวินิจฉัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น แพทย์ในห้องฉุกเฉินจึงต้องเก่งและมีความแม่นยำ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์มากขึ้น สามารถวินิจฉัยดีขึ้น 

157357000744

แต่สิ่งสำคัญ คือ การที่คนไข้มีโอกาสมาถึงห้องฉุกเฉินอย่างปลอดภัย ภายในรถฉุกเฉินมีทีมแพทย์ฉุกเฉินไปดูแลนอกโรงพยาบาล สามารถให้การรักษาเหมือนในห้องฉุกเฉิน และเครื่องอัลตร้าซาวด์แบบพกพา จะช่วยให้ทำอัลตร้าซาวด์ได้ทันทีตั้งแต่บนถนน และเปลี่ยนการวินิจฉัย หรือวินิจฉัยได้ทันที

"หากมีคนไข้อุบัติเหตุบนท้องถนน ใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์แบบพกพาแล้วพบว่าคนไข้เลือดออกในช่องท้อง โรงพยาบาลที่จะเลือกส่งต้องเป็นโรงพยาบาลที่สามารถผ่าตัดได้อย่างทันท่วงที ทำให้ทีมแพทย์มีความมั่นใจ และกล้าตัดสินใจในการวินิจฉัยมากขึ้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นผู้นำให้สถาบันการแพทย์อื่นๆ ได้หันกลับมาใช้ และพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉินทั้งในห้องและนอกห้องฉุกเฉิน ก่อนถึงโรงพยาบาลให้พัฒนามากขึ้น”

157357001183

นศพ.พรลภัส เชนวรรณกิจ นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6  เล่าประสบการณ์การใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์พกพาชนิดไร้สายจากที่ได้ทดลองใช้ในระยะเวลา 1 เดือนในแผนกฉุกเฉินว่า เครื่องดังกล่าวสามารถช่วยให้สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น สามารถใช้งานได้ในห้องซักประวัติ ในภาวะฉุกเฉินที่รอไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ มีการสงสัยว่าอาจจะมีภาวะปอดรั่ว หรือปอดแตก หรือ มีภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ การวินิจฉัยได้เร็ว ส่งผลมากกับการช่วยชีวิต ร่นระยะเวลา นำไปสู่การรักษา ทำหัตถการในการช่วยชีวิตคนไข้อย่างทันท่วงที

157357000782

“การได้ฝึกใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์พกพา เป็นการเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มทักษะ ของการเป็นนักศึกษาแพทย์มากขึ้น สามารถเก็บเป็นภาพหรือคลิป ไว้ในโทรศัพท์มือถือ ได้ทบทวนฝึกฝน หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงช่วยเหลือคนไข้ในการวินิจฉัย เพื่อรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย” นศพ.พรลภัส กล่าว