งานหนักบจ.เร่งกำไรไม่ขึ้น กำไรไตรมาส 3 ทรุดตามคาด

งานหนักบจ.เร่งกำไรไม่ขึ้น  กำไรไตรมาส 3 ทรุดตามคาด

การประกาศงบการเงินประจำไตรมาส 3 ปี2562 ใกล้จะจบสิ้นแล้ว โดยบริษัทจดทะเบียนจะส่งงบการเงินภายในวันที่ 14 พ.ย. นี้ เพื่อจะรายงานแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 15 พ.ย. นี้

    ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักทยอยประกาศงบมาแล้วทั้งกลุ่มธนาคาร กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มอาหารเกษตร และกลุ่มส่งออก

     โดยภาพรวมมีมุมมองส่วนใหญ่ว่าไตรมาส 3 กำไรจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ มีทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ภาคการส่งออกยังติดลบต่อเนื่องในเดือนที่ 9 ตัวเลขติดลบ 2.2 % จากค่าเงินบาททั้งยังแข็งค่าระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์

    ภาวะดังกล่าวส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นปี จากการคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งปี 2562 เติบโตประมาณ 10 % จากปี 2561 ซึ่งมีตัวเลขยอดขายรวม 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.36% กลับมีกำไรสุทธิ 931,163 ล้านบาท ลดลง 1.45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

     สาเหตุสำคัญมาจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีกำไรสุทธิลดลงจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง ตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมไปถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภัณฑ์ และเหล็ก กำไรปรับตัวลดลงถ้วนหน้า

    ดังนั้นจึงทำให้มีการคาดการณ์ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2562จะฟื้นตัวเติบโตที่ 10 % หากแต่ในครึ่งปีแรกตัวเลขที่ออกมาทำให้ต้องมีการปรับประมาณการณ์กันใหม่หมด จนทำให้ปีนี้เหลือการเติบโตไม่ถึง 4 % ภาพรวมกำไรแตะ 9 แสนกว่าล้านบาท

    โดยเป็นผลมาจากกำไรบริษัทจดทะเบียนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไตรมาส 1 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 252,500 ล้านบาท ลดลง 9.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรทรุดหนัก ในไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 164,713 ลดลง 20.7 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน

     ขณะที่ในรอบ 6 เดือนแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 373,170 ล้านบาท ลดลง 17.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มาจากผลกระทบสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ยังยืดเยื้อ และที่กำลังจะประกาศออกมากับกำไรไตรมาส 3 และในรอบ 9 เดือน ปี 2562 มีแนวโน้มยังปรับตัวลดลง

     จากกลุ่มธนาคารที่ประกาศออกมามีกำไร 56,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.02 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากรายการพิเศษของบางแบงก์มีการขายธุรกิจประกันออกไป บวกกับธุรกิจลิสซิ่งเติบโตดีสวนทางภาวะเศรษฐกิจ

    กลุ่มปิโตรเคมี และพลังงาน ถือว่าเป็นตัวแปรที่กดดดันงบการเงินในไตรมาสนี้ เพราะได้รับผลกระทบหนักที่สุด จากราคาส่วนต่างปิโตรเคมี และขาดทุนสต็อกทำให้งวดดังกล่าว พลิกมาขาดทุน กลายเป็นกลุ่มปิโตรเคมีในไตรมาส 3 เป็นตัวฉุดกำไรมากที่สุด

    รวมกำไรสุทธิไม่นับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รวม 18,675 ล้านบาท ลดลง 62.45 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 49,739 ล้านบาท ซึ่งต้องมาดูกำไรของพี่ใหญ่ในกลุ่มอย่าง ปตท. จะถูกกระทบมากแค่ไหน เพราะในกลุ่มครอบครัวปตท. กำไรเติบโตดี มีเพียง บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีกำไร 11,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 10,401 ล้านบาท

     บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรไตรมาส 3 ปี 2562 มีบริษัทที่รายงานมาแล้ว 167 บริษัทรวมกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.15 แสนล้านบาท เป็นการลดลง 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 3.0% จากไตรมาสก่อน ทำให้คาดว่ากำไรในงวดดังกล่าวจะจบที่ 2.1-2.2 แสนล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี เป็นตัวถ่วงกำไรรวมของตลาด

    บล.เอเชีย พลัส ยังคงประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งปี 2562 อยู่ที่ 9.99 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงวดไตรมาส( 3Q62 และ 4Q62)ไตรมาสละ 2.59 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามผลกระทบของปัญหาสงครามการค้า ทำให้ความต้องการบริโภคในสินค้าโภคภัณฑ์และราคาปิโตรเลียมปรับตัวลดลง ต่ำกว่าสมมติฐานปี 2562 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล