SVI - ขาย

SVI - ขาย

ผลประกอบการ 3Q62: เป็นไปตามคาด

Event

กำไรสุทธิของ SVI ใน 3Q62 อยู่ที่ 110 ล้านบาท (-57% YoY และ –27% QoQ) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่า Bloomberg consensus 13% ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9M62 อยู่ที่ 343 ล้านบาท ลดลง 42% YoY และคิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

ยอดขายและ GPM ไม่หวือหวา สอดคล้องกับสมมติฐานของเรา

ยอดขายของ SVI ใน 3Q62 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท (-8% YoY และ -6% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจาก FX ยอดขายใน 3Q62 จะอยู่ที่ US$125 ล้าน (-2% YoY, -3% QoQ) ทำให้ยอดขายงวด 9M62 อยู่ที่ US$378 ล้าน (+8% YoY) และคิดเป็น 72% ของสมมติฐานปีนี้ของเรา ทั้งนี้ ยอดขายที่ลดลง (ในสกุลดอลลาร์) เป็นเพราะคำสั่งซื้อลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ (industrial control, Networking, การสื่อสาร, ยานยนต์ และขนส่ง) ในขณะเดียวกัน GPM ใน 3Q62 ก็ทรงตัว QoQ อยู่ที่ 7.2% แต่ลดลง 2.8%YoY จากการแข็งค่าของเงินบาท (30.7 บาท/US$ ใน 3Q62 จาก 32.7 บาท/US$ ใน 3Q61) ส่วน GPM งวด 9M62 ก็อยู่ที่ 6.9% สอดคล้องกับสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 6.8%

คาดว่าผลประกอบการ 4Q26 จะยังคงอ่อนแอ YoY

เราคาดว่าผลประกอบการของ SVI ใน 4Q62 จะยังคงอ่อนแอ YoY เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่พอที่จะชดเชยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ากำไรสุทธิปีนี้ยังน่าจะเป็นไปตามประมาณการของเราที่ 462 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ในตลาดอาจปรับลดประมาณการกำไรลง แต่จะไม่มีตัวช่วยประคองราคาหุ้นหลัง tenderจบ

เราเชื่อว่าสมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 8.6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.1% ในปี 2563 ค่อนข้างท้าทายสำหรับบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรปี 2563 ของเราก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ในตลาดอยู่ถึง 17% ดังนั้น เราจึงมองว่านักวิเคราะห์ในตลาดอาจจะปรับลดประมาณการลงได้อีก ในขณะที่ราคาหุ้นจะไม่มีตัวช่วยประคองแล้วหลังจากที่ทำ tender offer จบไปแล้ว (คุณพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นสูงถึง 72.5%)

Valuation & Action

ราคาหุ้นของ SVI พุ่งขึ้นมาถึง ~13% หลังทำ tender offer โดยราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 5.20 บาท ซึ่งมี downside ถึงราคาเป้าหมายของเราถึง ~33% เรามองว่าราคาหุ้นจะถูกกดันจากความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์ในตลาดอาจจะปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายลงอีก (ปัจจุบันราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Bloomberg อยู่ที่ 3.9 บาท) ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำจากถือเป็น "ขาย" และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 3.50 บาท อิงจาก PER ที่ 15.5x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +0.25 S.D.)

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปีนี้ที่ 30.8 บาท/US$ และปีหน้าที่ 30.3 บาท/US$) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบสินค้า