‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 30.38 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 30.38 บาทต่อดอลลาร์

รับแรงหนุนธปท. ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์ก่อนและตลาดระวังการเจรจาสงครามการค้าสุดท้ายอาจไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 30.38 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.36 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนของเงินบาทถือว่าปรับตัวอ่อนค่ามาตลอดในช่วงสัปดาห์ก่อนแรงหนุนหลักมาจากทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก

ในสัปดาห์นี้เรามองภาพตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยง(Risk On) พร้อมกับบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นจะสร้างแรงกดดันให้นักลงทุนลดการถือครองเงินบาทลงจุดที่ต้องระวังคือการเจรจาการค้าที่อาจพลิกไปมาได้ถ้าสุดท้ายไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นเงินหยวนรวมไปถึงสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ก็อาจอ่อนค่ากลับเช่นเดียวกันถ้าบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้นต่อก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าขึ้นตาม

มองกรอบเงินบาทวันนี้30.35 - 30.45 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์30.20 - 30.70 บาทต่อดอลลาร์

ประเมินว่าประเด็นที่ตลาดจะให้ความสำคัญในสัปดาห์นี้คือทิศทางของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกับตัวเลขเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก

สังเกตุได้จากตลาดหุ้นแทบทุกที่ของโลกปรับตัวขึ้นทันทีที่มีข่าวว่าการเจรจาการค้ามีโอกาสเกิดขึ้นและปรับตัวลงทันทีที่โดนัลด์ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยกเลิกภาษีทั้งหมดกับจีน

ขณะเดียวกันในวันจันทร์ก็จะมีการรายงานจีดีพีญี่ปุ่นไตรมาสที่สามคาดว่าจะขยายตัว0.8% จากไตรมาสก่อนจากการบริโภคภาคเอกชนที่กักตุนสินค้าก่อนหน้าการขึ้นภาษีซื้อในญี่ปุ่น

ฝั่งสหรัฐในวันพุธจะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ(Core CPI) คาดว่าจะปรับตัวขึ้น0.2% จากเดือนก่อนหรือคิดเป็นการปรับตัวขึ้น2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยส่วนหนึ่งมาจากผลของการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน

ขณะที่วันพุธถึงพฤหัสประธานเฟดนายเจอโรมพาวเวลมีกำหนดขึ้นให้แถลงการกับสภาทั้งเรื่องเศรษฐกิจและงบประมาณของสหรัฐซึ่งน่าจะถูกกดดันให้ใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

ข้ามมาฝั่งจีนในวันพฤหัสจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนคาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว5.5% จากปีก่อนขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์คงทนจะขยายตัวระดับ5.4% และตัวเลขค้าปลีกน่าจะขยายตัว7.8% ถือว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนทรงตัวในช่วงที่ผ่านมา