วอนแหล่งท่องเที่ยวคุมเข้มความปลอดภัย ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สได้มาตรฐาน

วอนแหล่งท่องเที่ยวคุมเข้มความปลอดภัย ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สได้มาตรฐาน

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะแหล่งท่องเที่ยวที่มีที่พักให้บริการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ได้มาตรฐาน ภายในห้องน้ำต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี พร้อมย้ำ นักท่องเที่ยวศึกษาคำเตือนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงปลายปีจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอากาศหนาวเย็น การจัดบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวบริเวณอุทยานแห่งชาติหรือตามรีสอร์ทต่าง ๆ บางที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส หรือเป็นระบบที่ใช้แก๊สหุงต้มหรือ LPG เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้เพื่อผลิตน้ำร้อน ซึ่งการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีการดูแลป้องกันที่ดี อาจมีความเสี่ยงที่ทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันขณะอาบน้ำในห้องน้ำได้ จากการสำรวจข้อมูลของกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย ปี 2562 ใน 2 อำเภอท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมด 117 แห่ง พบว่ามีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สคิดเป็นร้อยละ 72.6 โดยแบ่งเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ทร้อยละ 54.1 บ้านพักเจ้าหน้าที่ร้อยละ 30.6 และที่บริการอาบน้ำร้อยละ 5.9 ผลการสำรวจยังพบว่า ร้อยละ 44.7 มีห้องน้ำขนาดเล็กหรือน้อยกว่า 3 ตารางเมตร แต่ส่วนใหญ่มีระบบการระบายอากาศ และพบอีกว่าปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่สำคัญ ได้แก่ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นและการระบายอากาศ รวมทั้งความรู้ ความเข้าใจของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ดังนั้น แหล่งท่องเที่ยวที่ได้บริการที่พัก จึงควรติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวควรศึกษาวิธีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สที่ถูกต้อง จากป้ายบอกคำแนะนำ หรือจากเจ้าของสถานที่อย่างละเอียดก่อนใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส

“ประชาชนต้องเปิดพัดลมระบายอากาศทุกครั้งที่อาบน้ำ กรณีที่ไม่มีพัดลมระบายอากาศ หรือพัดลมระบายอากาศไม่ทำงาน หรือไม่มีช่องระบายอากาศ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส แต่หากจำเป็นต้องใช้ ให้เปิดประตูไว้ในขณะอาบน้ำเพื่อให้ระบายอากาศได้ และไม่ควรอาบน้ำเกิน 10 นาที กรณีอาบน้ำติดต่อกันหลายคน ให้เปิดพัดลมระบายอากาศและเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ อย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้อากาศถ่ายเท หากได้กลิ่นแก๊สผิดปกติ ให้ออกจากห้องน้ำทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ที่กำลังป่วย ควรมีผู้คอยดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดขณะอาบน้ำ ทั้งนี้ หากพบผู้ป่วยที่หมดสติในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ควรรีบนำผู้ป่วยไปยังพื้นที่โล่งที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก โดยให้นอนราบกับพื้น หากผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้ที่สุดหรือติดต่อสายด่วน 1669” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว