อาลีบาบามั่นใจทำไอพีโอฮ่องกงได้ตามเป้า

อาลีบาบามั่นใจทำไอพีโอฮ่องกงได้ตามเป้า

อาลีบาบามั่นใจทำไอพีโอฮ่องกงได้ตามเป้า ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในฮ่องกงที่ยังวุ่นวาย มีการชุมนุมประท้วงรายวันจนทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งชะลอการลงทุน และมีบางแห่งเริ่มคิดหาทางย้ายฐานธุรกิจออกจากฮ่องกง

สื่อต่างประเทศรายงานว่า อาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนคาดหวังว่า จะระดมเงินได้ 10,000-15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 303,810-455,714 ล้านบาท) จากการเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกหรือไอพีโอ (ไอพีโอ) ในตลาดฮ่องกง และจะเป็นไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดในฮ่องกงในรอบ 9 ปี

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า อาลีบาบาจะเปิดการชี้แจงเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า ตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หากระดมเงินได้สูงสุด 15,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นจำนวนเงินมากที่สุดนับตั้งแต่เอไอเอ บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐระดมเงินได้ 20,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 622,917 ล้านบาท)จากการเปิดไอพีโอในฮ่องกงเมื่อปี 2553

อาลีบาบา ซึ่งจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กของสหรัฐอยู่แล้วตั้งใจจะเปิดไอพีโอในฮ่องกงช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนไปเพราะเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ประกอบกับสงครามการค้าจีน-สหรัฐยังยืดเยื้อ

การจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงน่าจะทำให้รัฐบาลจีนพอใจ เพราะรัฐบาลจีนส่งเสริมให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ของจีน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใกล้บ้าน หลังจากที่เสียอาลีบาบาและไป่ตู้ไปให้ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐ และรัฐบาลจีนเปิดตัวคณะกรรมการนวัตกรรมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หวังดึงดูดบริษัทไฮเทคตามนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ต้องการให้บริษัทจีนขึ้นเป็นผู้นำระดับโลก

ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ร่างกฎเกณฑ์ใหม่เรื่องของการสามารถมีหุ้นได้หลายคลาส เช่น คลาส A สามารถมีสิทธิ์โหวต 1 เสียง และ คลาส B สามารถมีสิทธิ์โหวต 10 เสียง ทำให้ผู้ก่อตั้งสามารถมีสิทธิ์ในการควบคุมทิศทางบริษัทมากขึ้น โดยมีหุ้นที่ใช้กฎนี้ในการทำไอพีโอไปแล้วเช่นเสี่ยวหมี่ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ รวมไปถึงเหม่ยถวน เตี่ยนผิง บริษัทให้บริการส่งอาหารรายใหญ่ของจีน

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากบริษัทจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีกำลังตัดสินใจที่จะกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีนหรือฮ่องกงเพิ่มขึ้น หลังจากแรงตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของหัวเว่ย เทคโนโลยี ที่ถูกแบน ยิ่งเร่งให้บริษัทเทคโนโลยีจีนอาจเตรียมนำบริษัททำไอพีโอ ในตลาดหลักทรัพย์จีนและฮ่องกงไวกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานย่างเข้าสู่เดือนที่5 ส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจของฮ่องกง โดยก่อนหน้านี้ บริษัทแอนฮอยเซอร์-บุช อินเบฟ เจ้าของเบียร์ยี่ห้อดังอย่าง บัดไวเซอร์ ตัดสินใจยกเลิกแผนทำไอพีโอในฮ่องกงที่สูงถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์ไปเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

เมื่อครั้งที่อาลีบาบา นำหุ้นออกขายที่ตลาดหุ้นสหรัฐ บริษัทเคาะราคาหุ้นไอพีโอไว้ที่หุ้นละ 68 ดอลลาร์ เต็มมูลค่าของหุ้น และสามารถระดมทุนได้ถึง 21.8 พันล้านดอลลาร์ ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ถ้ารวมส่วนนี้เข้าไปอาจจะสูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และอาจจะเป็นการทำไอพีโอที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ถือได้ว่าเป็นการทำไอพีโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยแซงหน้าทั้งเฟซบุ๊ค ที่ทำไอพีโอเมื่อปี 2555 และวีซ่า ที่ทำไอพีโอเมื่อปี 2551

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การที่อาลีบาบากลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จะทำให้มีช่องทางในการระดมเงินทุนอีกทางนอกจากสหรัฐ และยังทำให้หุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องสูงกว่าเดิม