Green Pulse I กลุ่มบริษัทดาว ชู “เศรษฐกิจหมุนเวียน” แก้วิกฤตขยะแบบยั่งยืน

Green Pulse I กลุ่มบริษัทดาว ชู “เศรษฐกิจหมุนเวียน” แก้วิกฤตขยะแบบยั่งยืน

พร้อมเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นทรัพยากรสร้างมูลค่า

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขยะพลาสติกในท้องทะเลหรือมหาสมุทร กำลังเป็นปัญหาระดับโลก เพราะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ในท้องทะเลที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นด้วยการกลืนกินพลาสติกเข้าไป รวมทั้งกระทบต่อแหล่งอาหารที่สำคัญ ซึ่งปัจจุบันขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่ท้องทะเลหรือมหาสมุทรทั่วโลกมีปริมาณกว่า 8-13 ล้านตันต่อปี ขณะที่ไทยสร้างขยะรวม 27 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตัน และจำนวน 0.41 ล้านตันไหลลงสู่ทะเล ทำให้ไทยติดประเทศอันดับ 7 ของโลกที่มีขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุด

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวทำให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Economy, Circular Economy, Green Economy) ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อใช้เป็นทางออกแก้วิกฤตขยะแบบยั่งยืน โดยยึดหลักการว่าด้วยเศรษฐกิจที่เน้นการใช้วัตถุดิบ ทรัพยากรและผลิตภัณฑ์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด และมีการสร้างของเสียที่ต่ำที่สุดหรือไม่มีเลยด้วยการนำกลับมาใช้ประโยชน์หมุนเวียน รวมทั้งกำหนดโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกปี 2561-2573 เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ อาทิ ภายในปี 2562 เลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ภายในปี 2570 นำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ 100%

ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาวฯ กล่าวว่า การบริหารจัดการขยะพลาสติกไม่อาจอาศัยแค่ภาครัฐเพียงลำพัง แต่จำเป็นต้องดำเนินการแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทั้งกำลังคนและนวัตกรรมเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ บริษัท ดาว (DOW) ผู้นำด้านวัสดุศาสตร์ระดับโลก มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อการบริหารจัดการขยะแบบยั่งยืน ภายหลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ ในการรีไซเคิลขยะพลาสติกเป็นน้ำมันไพโรไลซิส (Pyrolysis Oil Feedstock) เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นความร่วมมือของ ดาว และบริษัท ฟือนิกซ์ อีโคจี กรุ๊ป (Fuenix Ecogy Group) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นแนวทางการพัฒนาและต่อยอดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมรีไซเคิลของ ดาว ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วยการนำไปใช้ผลิตพลาสติกชนิดหมุนเวียนใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการลดการใช้วัตถุดิบแบบดั้งเดิมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก

นายฉัตรชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ดาว และเอสซีจี ยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ ในการรีไซเคิลพลาสติกและนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณการรั่วไหลของพลาสติกไปสู่สิ่งแวดล้อม ด้วยการเพิ่มมูลค่าขยะพลาสติก โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ของทั้งสองบริษัทฯ มาพัฒนาขยะพลาสติกให้มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่จะเพิ่มอัตราการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ภายในปี 2570 เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะลดจำนวนและช่วยป้องกันการหลุดรอดของขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นปัญหาที่สำคัญในปัจจุบัน โดยความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจรีไซเคิลที่ได้แก่ 1.เทคโนโลยีและกระบวนการด้านการรีไซเคิลเชิงกล (Mechanical Recycling) หรือการรีไซเคิลพลาสติกให้เป็นเม็ดพลาสติก หรือผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ 2.การรีไซเคิลพลาสติกกลับเป็นวัตถุดิบ (Feedstock Recycling) หรือการนำพลาสติกที่ใช้แล้วมาผ่านกระบวนการเพื่อกลับไปเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ (virgin polymers) และ3.การนำวัตถุดิบหมุนเวียนมาผลิตพลาสติก (Renewable Feedstock) คือการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเป็นวัตถุดิบตั้งต้นทดแทนผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

“เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นอีกหนึ่งหนทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยดาวจะนำองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ จากประสบการณ์ทั่วโลก มาพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับขยะพลาสติกในประเทศไทย รวมถึงร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมที่จะช่วยกันนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ ด้วยเทคโนโลยีในการบริหารจัดการขยะ และ การรีไซเคิล ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการและตลาดใหม่ ๆ ให้กับขยะพลาสติกเหล่านั้น” นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ดาว และเอสซีจี สองพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย ได้ร่วมกันสร้างถนนพลาสติก โดยเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นส่วนประกอบในการทำถนนยางมะตอย ซึ่งจากการวิจัยพบว่าการนำขยะพลาสติกมาเป็นส่วนผสมในการสร้างถนนนั้นจะช่วยให้ถนนมีความทนทานขึ้นกว่าเดิมได้ 15-33%
ดาว ยังเป็นสมาชิกของ “Alliance to End Plastic Waste” (AEPW) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ได้มีการเปิดตัวความร่วมมือดังกล่าวครั้งแรกในไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา โดย AEPW เป็นการรวมตัวของ 40 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ประกอบการห่วงโซ่พลาสติกเพื่อระดมทุนกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ใน 5 ปี เพื่อสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาแนวทางจัดการพลาสติกหลังการใช้งาน มุ่งผลสำเร็จลดขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในมหาสมุทรอย่างยั่งยืน ทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้