เปิดอุปสรรคผู้ซื้อ ‘บ้านหลังแรก’ สหรัฐ

เปิดอุปสรรคผู้ซื้อ ‘บ้านหลังแรก’ สหรัฐ

“บ้านคือวิมานของเรา” เป็นความจริงสำหรับคนทุกชาติ แต่รายงานล่าสุดเผยว่า ชาวอเมริกันใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าจะได้ซื้อบ้านหลังแรก มีหนี้สินมากขึ้น และขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่บ่อยขึ้น ภายใต้สถานการณ์ซัพพลายน้อยดันราคาบ้านพุ่ง

รายงานจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเออาร์) เผยแพร่วานนี้ (8 พ.ย.) ระบุ ขณะที่ดอกเบี้ยต่ำทำให้การขอสินเชื่อง่ายขึ้น ประกอบกับอัตราว่างงานต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เท่ากับว่าชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่อเนื่องเพิ่มจำนวนขึ้น แต่การที่ลูกค้าแห่กันซื้อบ้าน ประกอบกับขาดแคลนแรงงาน ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านตอบสนองความต้องการมากขนาดนี้ไม่ทัน

ราคาขายบ้านเฉลี่ยประจำเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 272,100 ดอลลาร์ เทียบกับปี 2561 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 259,300 ดอลลาร์ และ 197,100 ดอลลาร์สำหรับ 5 ปีก่อนหน้า

เอ็นเออาร์ย้ำมานานแล้วเรื่องขาดแคลนบ้านในตลาด แต่รายงานทำให้นัยแห่งปัญหาดังกล่าวลดลงอย่างสิ้นเชิง เพราะมีปัญหาอื่นที่น่ากังวลกว่า

ตามรายงาน ผู้ซื้อบ้านชาวอเมริกันแอฟริกันมีเพียง 4% ทั้งๆ ที่มีสัดส่วนถึง 13% จากพลเมืองอเมริกันทั้งหมด ส่วนผู้ซื้อบ้านชาวอเมริกันเชื้อสายละตินมี 7% จากสัดส่วน 18% ของประชากรทั้งหมด

“ไม่มีทางหลอกตัวเองได้เลยว่า ชาวอเมริกันแอฟริกันและละตินซื้อบ้านในอัตราต่ำ ลดลงมากกว่าก่อนเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะคนเชื้อสายแอฟริกันเป็นเจ้าของบ้านต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ย่อมสะท้อนชัดถึงความสามารถของพวกเขา ในการสร้างความมั่งคั่งและสร้างรัง” เจสสิกา ลอตซ์ รองประธานฝ่ายประชากรศาสตร์และแนวโน้มพฤติกรรมของเอ็นเออาร์กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

รายงานยังชี้ว่า คนผิวสีมีโอกาสน้อยลงในการขอสินเชื่อ ถูกปฏิเสธจดจำนองบ้านมากขึ้น แถมเป็นไปได้ว่าครอบครัวยังช่วยเหลือได้น้อย เหล่านี้คือแหล่งเงินดาวน์หลักสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกในตอนนี้

ทั้งนี้ ลูกค้าบ้านหลังแรก 1 ใน 3 ได้ครอบครัวช่วยเหลือเรืื่องเงินดาวน์ ที่อาจให้เงินเป็นของขวัญหรือให้ยืม

ในเวลาเดียวกัน ชาวอเมริกันแอฟริกันที่เจ้าของบ้านหลังแรก ก็มีหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษามากกว่าผู้ซื้อบ้านผิวขาวอยู่มาก นี่คืออุปสรรคสำคัญฉุดรั้งผู้ซื้อที่มีศักยภาพหลายคน

รายงานชี้ว่า ผู้ซื้อบ้านหลังแรก 39% มีหนี้ กยศ. เฉลี่ยที่ 30,000 ดอลลาร์ ผู้ซื้อจำนวนมากต้องรอนานขึ้นกว่าจะได้ซื้อ อายุเฉลี่ยผู้ซื้อบ้านหลังแรกปาเข้าไปถึง 33 ปี และจำเป็นต้องผนึกกำลังกับเพื่อน

แทนที่จะร่วมมือกับคู่ชีวิตหรือคู่สมรสเพื่อให้ได้ซื้อบ้านในทำเลที่ต้องการมากขึ้น

“คนที่ใช้วิธีที่แตกต่างออกไปเพื่อให้ได้ครอบครองบ้านมีมากขึ้น ด้วยการหุ้นกับเพื่อนที่ไม่ใช่คนรักมาร่วมซื้อบ้าน” ลอตซ์ขยายความ

นอกจากนี้ผู้ซื้อ 12% ซื้อบ้านสำหรับคนหลายรุ่นอยู่รวมกัน เพื่อดูแลพ่อแม่สูงวัย เนื่องจากลูกๆ ที่โตแล้วกลับมาอยู่บ้าน และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

รายงานสรุปว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมาผู้ซื้อบ้านหลังแรกครองสัดส่วนคงที่ 33% ของผู้ซื้อทั้งหมด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่มักอยู่ที่ 40%