สับสนเจรจาการค้า"สหรัฐ-จีน"กดดันดาวโจนส์ปรับตัวแคบ

สับสนเจรจาการค้า"สหรัฐ-จีน"กดดันดาวโจนส์ปรับตัวแคบ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (8พ.ย.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบๆ ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน

คำกล่าวของปธน.ทรัมป์ สวนทางกับแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนที่ว่า สหรัฐและจีน ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้า

ก่อนหน้านี้ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังไม่ได้ไปไกลถึงขั้นที่จีนแถลงออกมา พร้อมทั้งกล่าวว่า การประกาศของจีนเป็นแทคติคที่ต้องการกดดันทำเนียบขาวให้ยอมรับเงื่อนไขการทยอยยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้า

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 6.44 จุดหรือ 0.02% ปิดที่ 27,681.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 7.9 จุดหรือ 0.26% ปิดที่ 3,093.08 และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 40.80 จุดหรือ 0.48% ปิดที่ 8,475.31 จุด

ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุด้วยว่า จีนอยากทำข้อตกลงมากกว่าสหรัฐเสียอีก พร้อมระบุว่า มาตรการรีดภาษีของสหรัฐทำให้เกิดเงินทุนแก่ประเทศมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งยังบอกด้วยว่าข้อตกลงการค้ากับจีน หากเสร็จสมบูรณ์ จะมีการลงนามกันในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้นทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญ เตือนว่า ข้อตกลงการค้าเฟส1 ระหว่างสหรัฐและจีน อาจพังทลายลงได้

ขณะที่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 95.7 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.3 จากระดับ 95.5 ในเดือนต.ค. และผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นต่อสถานะการเงินส่วนบุคคลปรับตัวลง

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล