‘เงินบาท’ อ่อนตัวจำกัด ดุลบัญชีเดินสะพัดกดดัน

‘เงินบาท’ อ่อนตัวจำกัด ดุลบัญชีเดินสะพัดกดดัน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ( 8พ.ย.62) ปิดการซื้อขายที่ 1,637.85 จุด ลดลง 3.03 จุด หรือ 0.18% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 50,306.16 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าประเมินว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากเชื่อว่าอัพไซด์ตลาดเริ่มจำกัด หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดสะท้อนปัจจัยเชิงบวกไปมากแล้ว โดยคาดว่าดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา ทั้งนี้ให้กรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,610-1,650 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,471.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 21,200 บาทต่อบาททองคำ ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุแนะนําให้นักลงทุนเก็งกําไรระยะสั้น โดยราคาทองคำยังคงแกว่งอ่อนตัวลงในกรอบ ซึ่งหากราคาทองคําฟื้นตัวขึ้นทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,473 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถยืนเหนือได้อาจเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,460-1,458 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดน่าเข้าซื้อเพื่อทํากําไร แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,458 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงมากนักให้ชะลอการเข้าซื้อออกไป

สัปดาห์นี้เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง0.25%เมื่อวันพุธที่6พย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกซึ่งจะมีผลในการช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์

อย่างไรก็ดีการอ่อนค่าของเงินบาทคาดว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลสูงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของหลายประเทศสำคัญยังติดลบทำให้โอกาสที่นักลงทุนจะออกไปลงทุนต่างประเทศยังจำกัด

สำหรับเงินหยวนสัปดาห์นี้แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ไปในทางบวกว่าสหรัฐฯกับจีนจะสามารถลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ในไม่ช้า ทั้งนี้ในช่วง1สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ30.10-30.50บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนว่าข่าวที่ออกมาในสัปดาห์หน้าจะเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ