‘แอดวานซ์’ หวัง 5 จีขยายฐานธุรกิจ เดินหน้ารุก ‘ประกัน-โฆษณา’ เพิ่มมูลค่า

‘แอดวานซ์’ หวัง 5 จีขยายฐานธุรกิจ เดินหน้ารุก ‘ประกัน-โฆษณา’ เพิ่มมูลค่า

‘แอดวานซ์’ คาด 5 จี ช่วยขยายฐานลูกค้าองค์กรทะลุ 10% พร้อมต่อยอดเข้าธุรกิจประกันและโฆษณา คาดเงินทุนต่อเมกะเฮิรตซ์ ของ 5จี ต่ำกว่าประมูลครั้งก่อน ขณะที่ ‘อินทัช’ เผยพอร์ตลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพโตกว่า 55% แตะระดับ 1 พันล้านบาท

นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และกำกับดูแลการปฏิบัติงาน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า การเข้ามาของ 5 จี จะช่วยให้บริษัทขยายฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าองค์กร ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นเพียง 9% ของฐานรายได้รวม ก็มีโอกาสจะเติบโตไปมากกว่านั้น เนื่องจากธุรกิจในยุคใหม่จำเป็นจะต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

ขณะเดียวบริษัทได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าที่มีอยู่จากการทำธุรกิจเดิม คือ ให้บริการด้านมือถือ และอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง เพื่อทดลองขยายธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ประกัน โฆษณา และระบบจ่ายเงินออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท

“หลังจากที่บริษัทลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจไปมากแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นจะเป็นการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม จากฐานข้อมูลของลูกค้าผ่านธุรกิจเดิม ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ ประกัน หรือโฆษณา ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจยิ่งขึ้น ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

ด้านความคืบหน้าสำหรับการประมูลคลื่นความถี่ 5จี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ก.พ. ปี 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมแผนในการลงทุน ในเบื้องต้นคาดว่าเงินลงทุนต่อเมกะเฮิรตซ์จะต่ำกว่าเงินลงทุนที่ใช้สำหรับการประมูล 3จี และ 4จี เพราะหากต้องใช้เงินลงทุนสูงในระดับใกล้เคียงเดิม อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการโครงข่าย 5จี จำเป็นต้องใช้คลื่นมากถึง 80 – 100 เมกะเฮิรตซ์ จากเดิมที่บริษัทมีอยู่ 60 เมกะเฮิรตซ์ แต่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั้งหมด

สำหรับเงินลงทุนในอนาคตจะมีจากทั้งเงินทุนและเงินกู้ ส่วนของทุน ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดกว่า 6 หมื่นล้านบาท ณ 9 เดือนของปี 2562 ขณะที่หนี้สินต่อ EBITDA เพียง 1 เท่า บริษัทจึงมีความสามารถในการลงทุนได้อีกมาก ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 2.41 หมื่นล้านบาท เติบโต 5.6% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทั้งปีก่อนอยู่ที่ 2.96 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังคงนโยบายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ

นางทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เปิดเผยว่า ผลประกอบการของอินทัชกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตามการเติบโตของแอดวานซ์ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 3.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน (กลับมาเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในรอบ 3 ไตรมาส)

นอกจากรายได้หลักจากแอดวานซ์ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ผ่านโครงการ InVent ซึ่งยังคงมูลค่าเงินลงทุนปีละ 200 ล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ไปแล้ว 652 ล้านบาท ปัจจุบันมูลค่าของพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.01 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 55%

“โดยทั่วไปแล้วเมื่อธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นจนมากกว่าเงินลงทุนบวกกับต้นทุนทางการเงิน (WACC) ที่ 9% บริษัทก็จะเริ่มพิจารณาถึงโอกาสในการขายทำกำไรออกไป และมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มเติบโตดี ที่ผ่านมามูลค่าการลงทุนต่อรายสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท ส่วนนโยบายจ่ายเงินปันผลยังคงที่ 100% ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ประมาณปีละ 1.8 – 1.9 พันล้านบาท"

ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิ 9 เดือน ของแอดวานซ์ คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2562 ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4 คาดกำไรปกติเติบโตทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อน ประเมินกำไรทั้งปีที่ 3.26 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีก่อนทั้งปีที่ 2.96 หมื่นล้านบาท พร้อมประเมินเงินปันผลตอบแทน 3.6%

สำหรับการประมูลค่า 5จี ที่จะเกิดขึ้นปีหน้า เบื้องต้นประเมินว่าแอดวานซ์น่าจะใช้เงินลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับใบอนุญาตคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ 8 ใบ และคลื่น 26 กิกกะเฮิรตซ์ 1 ใบ เพื่อให้ได้ 5จี ตามมาตรฐาน หากสมมติให้การลงทุนไม่เกิดประโยชน์ส่วนเพิ่มเลย จะกระทบต่อราคาหุ้นราว 5 บาท แต่หากได้รับเงื่อนไขผ่อนจ่าย 10 ปี และได้เว้นการจ่ายเงินช่วง 2-4 ปีแรก จะช่วยลดผลกระทบต่อกระแสเงินสด

ทั้งนี้ คาดว่า 5จี จะช่วยให้บริษัทได้ฐานลูกค้าธุรกิจเพิ่มขึ้น และต่อยอดไปเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยรวมประเมินราคาพื้นฐานปี 2562 ที่ 260 บาท