ปณิธาน เตือนภัย‘ผู้นำรุ่นใหม่’ แสดงศักยภาพส่งท้ายปี

ปณิธาน เตือนภัย‘ผู้นำรุ่นใหม่’  แสดงศักยภาพส่งท้ายปี

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อดีตที่ปรึกษารองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง มองว่า เหตุคนร้ายโจมตีชรบ. ซึ่งเป็นกองกำลังภาค ปชช. เพราะถือเป็นจุดเปราะบาง เป็นเป้าหมายอ่อนแอ แม้จะไม่เปราะบางเหมือนสถานประกอบการเอกชน แต่การรับมือกับเหตุการโจมตี ก็ยังมีความเชี่ยวชาญน้อย

แต่สาเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงต้องใช้กองกำลังภาคประชาชนในการดูแลพื้นที่ ก็เพราะมีข้อดีคือ ถ้าเป็นประชาชนด้วยกันก็จะทราบความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่างๆ ของผู้ก่อความไม่สงบซึ่งแฝงตัวอยู่ตามหมู่บ้าน เพราะเป็นคนในพื้นที่เหมือนกัน เมื่อได้ข่าวสารก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินสถานการณ์และประมวลข้อมูลเพื่อวางแผนรับมือ แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องดี ก็คือสภาพความเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เพราะถึงอย่างไรก็ยังเป็นชาวบ้าน เป็นราษฎรที่เสียสละมาดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับฝายความมั่นคงว่าจะพลิกจุดอ่อนนี้มาเป็นจุดแข็งในอนาคตได้อย่างไร

“ผมคิดว่าน่าจะต้องมีการทบทวนถึงเรื่องความเปราะบางในหลายๆ ส่วนที่จะยังตกเป็นเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภาพรวมในภารกิจรักษาความปลอดภัย โดยหลังจากนี้การทำงานด้านข่าวกรองของเจ้าหน้าที่จะต้องมีความลึกซึ้งมากกว่าเดิม” อาจาารย์ปณิธาน กล่าว

ส่วนความอ่อนไหวของพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีข่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบมักลำเลียงยุทโธปกรณ์ และลักลอบข้ามแดนเข้ามาตามช่องทางธรรมชาตินั้น อาจารย์ปณิธาน ยอมรับว่า ขณะนี้มีแนวร่วมรุ่นใหม่ที่ถูกฝึกฝนมาจากนอกพื้นที่ลักลอบเข้ามาตามรอยต่อชายแดนประเทศเพื่อนบ้านจริง ซึ่งทางกองทัพก็พยายามสกัดกั้น แต่ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด เพราะพื้นที่แนวชายแดนมีระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร จึงต้องทำเป็นจุดๆ เน้นเฉพาะจุดที่สำคัญๆ

157321047084

“มาตรการดูแลชายแดนของกองทัพอาจจะยังได้ผลไม่เต็มที่ แต่ก็ลดจำนวนเหตุร้ายได้มากขึ้น แต่กำลังพลที่วางเพิ่มตามแนวชายแดนประมาณ 5,000 นาย กับชายแดนที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตรน่าจะยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้การข่าวในการสืบหาข้อมูล”

เมื่อให้ประเมินสถานการณ์ไฟใต้นับจากนี้ อาจารย์ปณิธาน มองว่า ปัญหาไฟใต้ยืดเยื้อมานานกว่า 16 ปี การประเมินระยะยาวจึงค่อนข้างยาก ขอประเมินจากช่วงระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ก่อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะตอนนี้มีกลุ่มผู้นำหน้าใหม่ต้องการแสดงศักยภาพ และอาจจะยาวไปจนถึงช่วงปลายปีด้วย

ส่วนปีหน้าเมื่อคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขเริ่มทำงาน ก็ควรที่จะมี “พิมพ์เขียว” ในเรื่องของการลดความรุนแรงควบคู่ไปกับการพูดคุยด้านอื่นๆ และต้องเจรจากับทางการมาเลเซียอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการปิดพรมแดนและควบคุมคนกระทำผิดที่มีหมายจับ หรือ หมาย พ.ร.ก.ที่หลบหนีข้ามไปมาเลเซีย