สหรัฐคาใจกัมพูชาปราบปรามฝ่ายค้าน

สหรัฐคาใจกัมพูชาปราบปรามฝ่ายค้าน

สหรัฐกังวลที่กัมพูชาปราบปรามฝ่ายต่อต้าน จับกุมนักเคลื่อนไหวหลายสิบคน ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านในต่างแดนถูกสกัดไม่ให้กลับมาตุภูมิ

โฆษกสถานทูตสหรัฐในกรุงพนมเปญแถลงว่า สหรัฐกังวลยิ่งกรณีการจับกุม ข่มขู่ คุกคาม สมาชิกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในกัมพูชาที่ขยายวงออกไปต่อเนื่อง โดยพยายามสกัดไม่ให้พลเมืองกัมพูชาที่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างสงบในกระบวนการทางการเมืองได้กลับประเทศ การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงการกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันกลุ่มสิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล” ประณามไทยและมาเลเซีย ที่สกัดไม่ให้ผู้นำฝ่ายค้านที่พำนักในต่างแดนได้กลับประเทศเพื่อระดมการสนับสนุน

ทั้งนี้ นายสม รังสี ผู้ก่อตั้งพรรคฝ่ายค้าน “สงเคราะห์ชาติกัมพูชา” (ซีเอ็นอาร์พี) ประกาศว่า จะกลับประเทศในวันเสาร์ (9 พ.ย.) เพื่อนำมวลชนต่อต้านการปกครองแบบพรรคเดียวของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน แต่วานนี้เขาถูกขัดขวางไม่ให้ขึ้นเครื่องบินจากกรุงปารีสมาลงกรุงเทพฯ

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพุธ มาเลเซียจับกุมนางมู ซกฮัว รองประธานพรรคซีเอ็นอาร์พี ที่สนามบิน ก่อนจะปล่อยตัวในอีก 24 ชั่วโมงต่อมา พร้อมกับผู้นำฝ่ายค้านอีก 2 คนที่ถูกจับก่อนขณะพยายามขึ้นเครื่องบินเข้าประเทศไทย

ตั้งแต่นายสม ประกาศแผนกลับประเทศในวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งเป็นวันเอกราชกัมพูชา นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านในกัมพูชาถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 48 คน ส่วนนายเกิม ซกคา ผู้นำพรรคซีเอ็นอาร์พีถูกตั้งข้อหากบฏในปี 2560 และถูกกักบริเวณในบ้านตั้งแต่นั้น

ด้านนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ที่ปกครองประเทศมากว่า 30 ปี เรียกแผนการของผู้นำฝ่ายค้านว่าเป็นความพยายามทำรัฐประหาร

นางสาวโจแอน มาริเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเพื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ตั้งคำถามกับประเทศอาเซียนที่ขัดขวางแกนนำและนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านไม่ให้กลับบ้าน ระบุ

“เพื่อนบ้านกัมพูชาไม่ควรก้มหัวให้กับแรงกดดันของฮุนเซน มาเลเซียทำถูกแล้วที่ปล่อยตัวมู ซกฮัว และพรรคพวกอีก 2 คน แต่พวกเขาไม่ควรถูกจับตั้งแต่แรก”

เมื่อปี 2560 ศาลฎีกากัมพูชาสั่งยุบพรรคซีเอ็นอาร์พี เปิดทางให้พรรครัฐบาลของฮุนเซน ชนะเลือกตั้งครองที่นั่งทั้งหมดในการเลือกตั้งปีก่อน