PLANET โชว์ 9 เดือนกำไรโต 57.69 %

PLANET โชว์ 9 เดือนกำไรโต 57.69 %

PLANET โชว์ 9 เดือนกำไรโต 57.69 % ชู "Future Business"สู้วิกฤติ Disruption หวังดันองค์กรโตก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15-20%


นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทฯ มีรายได้ 355.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 81.90 % และมีกำไรสุทธิ 8.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 195.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.27 % และมีกำไรสุทธิ 7.32 ล้านบาท

ขณะที่งวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 688.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.80 % และมีผลกำไรสุทธิ 9.46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 560.73 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิ 6 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาสนี้ ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจาก มีการรับรู้รายได้จากการขายสินค้าล็อตใหญ่ให้กับโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) จำนวน 202.30 ล้านบาท


นายประพัฒน์ กล่าวมั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วย "Future Business" ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่บริษัทฯ เตรียมไว้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วและมีแนวโน้มได้รับการยอมรับจากตลาดมากขึ้น อาทิ บริการคลาวด์ออฟฟิศ (CloudOffice) แบบเหมาจ่ายรายเดือน ซึ่งประกอบไปด้วยบริการระบบโทรศัพท์สำนักงาน (Cloud PBX) ระบบประชุมทางไกล (Cloud Video Conference) ระบบกล้องวงจรปิด (Cloud CCTV) ระบบไวไฟ (Cloud Wi-Fi) ระบบบริหารจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Cloud MDM) ซึ่งล่าสุด บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือบริษัท แพลนเน็ตคลาวด์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผู้จัดจำหน่ายและให้บริการซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ ตามแผนธุรกิจในการลงทุนระยะยาวเรียบร้อยแล้ว


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาสินค้าใหม่ เป็นเครื่องมือการแพทย์ทางไกลหรือเรียกว่า Telemedicine เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-time โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็วๆนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่ามีมูลค่าตลาดที่ใหญ่มาก ที่สำคัญยังรองรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เน้นความสะดวกสบาย และสอดรับกับการขยายอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ห่างไกลของภาครัฐ


“ ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ปรับองค์กรเพื่อรับมือกับสภาวะ Digital Disruption มาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เรามีความพร้อมแล้วที่จะนำธุรกิจเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว ซึ่งจากนี้จะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และธุรกิจใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ที่กล่าวในข้างต้นแล้ว เรายังมีการดำเนินการในเรื่องของ Smart city , Smart Security นอกจากนี้ ยังมีแผนจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ wifi ด้วย โดยมีเป้าหมายยกระดับองค์กรสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต” นายประพัฒน์กล่าว