Trade Hopes

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับขึ้นแรง +16.89 จุด (+1.04%) ปิดที่ระดับ 1,641 จุด ด้วย Volume 5.9 หมื่นล้านบาท โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าการเจรจาการค้าหลังสหรัฐฯและจีนได้ตกลงยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละฝ่ายตามสัดส่วนในแต่ละเฟส ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Global play ได้แก่ Energy, Petro และ Etron หนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นผ่านแนวต้านสำคัญ 1,630 จุดได้ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 281 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,094 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 3,398 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,645 - 1,650 จุด ตอบรับพัฒนาการเชิงบวกการเจรจาการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน โดยทั้ง 2 ประเทศพร้อมจะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่เก็บมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ล่าสุดจีนเตรียมยกเลิกคำสั่งแบนการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ ส่งผลให้ภาวะการลงทุนเป็น Risk on โดย US Bond yield 10 ปีพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือนสู่ระดับ 1.9% , ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น และราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น นอกจากนี้การปรับน้ำหนักหุ้นเข้า MSCI Thailand รอบใหม่จะเป็นบวกต่อทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัวจะตัวกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลงได้

** วันนี้ติดตามการประกาศงบ 3Q19 ของ EA, TOP, MAJOR, WORK, CBG, TASCO, VGI

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• MSCI rebalance มีผล 26 พ.ย. : Global Standard เพิ่ม BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD 

                    Small Cap เพิ่ม CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM ถอด CBG, TISCO

• หุ้นกลุ่ม Global Play ได้แก่ PTTEP, TOP, IVL, KCE และ HANA อานิสงส์ความคืบหน้าการเจรจาการค้า
• หุ้นที่คาดว่างบ 3Q19 จะเติบโตขึ้น BGRIM, BCH, CHG, EPG, TASCO, PRM, JMT, JMART, BGC, WORK, MINT ,SAWAD

หุ้นแนะนำวันนี้

• JMT (ปิด 20.8 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 24) ทยอยสะสมคาดแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี และล่าสุดได้ข่าวดี MSCI ปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global small cap
• PTTEP (ปิด 125 ซื้อ/เป้า 135) ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว และไม่มี Over hang จากงบ 3Q19 มากวนใจเพราะประกาศงบไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มงบ 4Q19 จะยังเด่นสุดของกลุ่ม PTT เพราะมีแรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้การผลิตจากแหล่งเมอร์ฟี่ที่ซื้อเข้ามาเต็มไตรมาส

บทวิเคราะห์วันนี้

BCP (ปิด 25.25 ซื้อ/เป้า 33), LPN (ปิด 4.8 ถือ/เป้าใหม่ 4.9 เดิม 5.3), PTTGC (ปิด 56.25 ถือ/เป้า 53)

ประเด็นสำคัญวันนี้

• (+) Trade war พลิกเป็นบวก จากข่าวจีนกับสหรัฐตกลงทยอยยกเลิกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน: ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับทางบวก ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตอบรับข่าวกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงว่าสหรัฐและจีนตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันซึ่งทั้งสองประเทศเล่นสงครามการค้าด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้จีนยังส่งสัญญาณว่ากำลังพิจารณายกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ ซึ่งจีนเคยสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกกับสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2015 เรามองว่าปัจจัยบวกจาก Trade war จะช่วยหนุน Sentiment ให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางบวกไปจนกว่าทั้งสองประเทศจะเซ็นลงนามในข้อตกลงจากนั้นจึงจะเห็นการเทขาย (Take profit) ครั้งใหญ่กันอีกครั้ง
• (+) MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกสำหรับการคำนวณดัชนีรอบใหม่ มีหุ้นไทยถูกปรับเข้า 11 หลักทรัพย์ เริ่มมีผลโดยใช้ราคาปิด ณ วันที่ 26 พ.ย.19: โดย MSCI ประกาศเพิ่มหุ้นไทย 4 หลักทรัพย์เข้าคำนวณในดัชนี Global Standard คือ BGRIM, GPSC, OSP และ SAWAD ไม่มีหุ้นที่ถูกตัดออก ส่วนดัชนีหุ้น Global Small Cap มีหุ้นไทยเข้าคำนวณใหม่ 7 หลักทรัพย์ คือ CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP และ TQM โดยมีหุ้นที่ถูกปรับออก 2 หลักทรัพย์ คือ CBG และ TISCO เบื้องต้นคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่ถูกปรับเข้าคำนวณและเทขายหุ้นที่ถูกปรับออกต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ดัชนีมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะใช้ราคาปิด ณ วันที่ 26 พ.ย.19
• (-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ลดลงสู่ระดับ 70.7 ต่ำสุดในรอบ 65 เดือน: ม.หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ลดลงสู่ระดับ 70.7 จาก 72.2 ในเดือน ก.ย. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และต่ำสุดในรอบ 65 เดือน ประชาชนยังกังวลกับภาวะเศรษฐกิจ สงครามการค้าจีนกับสหรัฐยังยืดเยื้อ สหรัฐตัดสิทธ์ GSP กระทบการส่งออกไทย เริ่มมีข่าวภาคเอกชนทยอยปิดกิจการและปลดคนงาน ขณะที่ราคาพืชผลในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ความกังวลดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอยเป็นลบต่อ sentiment ของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ค้าปลีก และ อสังหาฯ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นน่าจะทยอยฟื้นตัวในเดือนถัดๆไปหลังจากภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ Trade war จีนกับสหรัฐก็เริ่มเห็นพัฒนาการทางบวกมากขึ้น